สอบถามหน่อยค่ะ พอดีประจำเดือนมาวันที่8-11พฤศจิกายนและได้มีอะไรกับแฟนหลังประจำเดือนหมด1 วันคือวันที่12สวมใส่ถุงยางอนามัยแต่มารู้ทีหลังว่าถุงแตกได้ทำการทานยาคุมฉุกเฉินไปภายใน24ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่พอมาวันที่18 มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด1หยดเป็นสีชมพู พอวันที่19เป็นสีแดงจนถึงวันที่20แต่มานิดหน่อย และหลังจากนั้นก็มีอาการวิงเวียนศรีษะกินอะไรก็อยากอาเจียร ท้องอึด ปวดหลัง และเอววันที่27 เลยไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจขึ้นขีดเดียว แต่พอมาวันที่4ธันวาคม มีเลือดไหลออกจากช่องคลอดมาในปริมาณมากแต่ไม่เท่าตอนมีประจำเดือนในเดือนก่อนๆ ปกติเป็นคนประจำเดือนมาไม่ตรงกันอยู่แล้วค่ะ แบบนี้จะใช่เลือดประจำเดือนหรือเปล่าคะ หรือว่าจะมีโอกาสท้อง

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์ที่ถุงยางอนามัยมีการฉีกขาดระหว่างมีเพศสัมพันธ์แต่ได้รับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วภายใน 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้อยู่อีกประมาณ 15% ครับ ซึ่งเลือดที่ออกมาในวันที่ 18 พฤศจิกายนนั้นก็อาจเป็นเพียงผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินเท่านั้นเนื่องจากหลังการรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปประมาณ 1 สัปดาห์ก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดเกิดขึ้นได้ครับ

ส่วนเลือดที่ออกมาในวันที่ 4 ธันวาคมนั้นอาจจะยังยืนยันได้ยากว่าเป็นประจำเดือนหรือไม่ถ้าหากเลือดยังไม่ได้มีบักที่ใกล้เคียงกับประจำเดือนตามปกติครับ

ถ้าหากมีความกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ ในกรณีนี้หมอก็แนะนำให้เชื่อถือตามผลตรวจการตั้งครรภ์เป็นหลัก โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ นั่นคือถ้าหากมีการตรวจการตั้งครรภ์ไปในวันที่ 27 พฤศจิกายนแล้วไม่พบการตั้งครรภ์กผ้มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้น้อยมากครับ

แต่ถ้าหากยังต้องการความมั่นใจจริงๆก็อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ซ้ำในตอนนี้อีกครั้งได้ ซึ่งถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตัิงครรภ์เช่นเดิมก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์แล้วครับ