อวัยวะเพศมีผืนขึ้นค่ะเป็นสิฟิลิฟรึป่าวมียาที่ซื้อตามร้านค้าได้ไหมค่ะ

สวัสดีค่ะ
ภาพประกอบ คือผื่นมีลักษณะเหมือนกลุ่มของตุ่มน้ำใส มีอาการแสบคัน และมักกลับมาเป็นขณะร่างกายอ่อนแอ
อาการดังกล่าว นึกถึงโรคเริมมากที่สุดค่ะ

หากผื่นมีลักษณะเหมือนกลุ่มของตุ่มน้ำใส มีอาการแสบคัน และมักกลับมาเป็นขณะร่างกายอ่อนแอ จะนึกถึงโรคเริมมากที่สุดค่ะ แต่อาจสับสนกับโรคแผลที่อวัยวะเพศได้ เช่น โรคซิฟิลิส โรคแผลริมอ่อน เป็นต้น
โดยการติดเชื้อไวรัสเริมนั้น สามารถหายได้เองหากร่างกายแข็งแรงพอ แต่จะมีเชื้อแฝงอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต โดยจะมีอาการเป็นๆหายๆได้ เมื่อร่างกายอ่อนแอ เช่น นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ มีความเครียด มีไข้ ไม่สบายอื่นๆ เป็นต้นค่ะ
โรคเริมเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งควรป้องกันการติดต่อสู่ผู้อื่นด้วยการสวมถุงยางอนามัยค่ะ
เบื้องต้นแนะนำไปพบแพทย์ ทางที่ดีควรเปิดให้แพทย์ได้เห็นผื่น เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องค่ะ
อาจะได้ยาฆ่าเชื้อไวรัสมารับประทาน โดยผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตัวให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด จึงจะหายไวขึ้นค่ะ

ลักษณะเหมือนตุ่มน้ำใสครับ ซึ่งเกิดได้จากหลายอย่างครับ เช่น
1. เริม
เกิดจากติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง จะมีแสบร้อนหรือปวดร่วมด้วย มักเป็นบริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก เป็น1ตุ่มหรือหลายตุ่ม โดยต่อมาตุ่มจะแตกและเกิดเป็นแผลได้
2. รูขุมขนอักเสบ
มักจะเป็นหลายๆตุ่ม และเป็นตุ่มหนองคล้ายหัวสิวมากกว่าครับ
3. ผื่นแพ้สัมผัส
เช่น แพ้สารเคมี สบู่ แป้ง เป็นต้น แต่มักจะขึ้นหลายตุ่มและมีอาการคันร่วมด้วย

เบื้องต้นแนะนำไม่ควรบีบหรือแกะตุ่ม เพราะอาจทำให้เป็นแผล เกิดแผลเป็น และติดเชื้อแทรกซ้อนได้ หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ และไปพบแพทย์ เพื่อตรวจดูอาการอย่างละเอียด เพราะแต่ละโรคมีวิธีรักษาที่แตกต่างกันครับ

สวัสดีครับ ถ้ามีการเป็นผื่น และคันร่วมด้วย
อาจจะเกิดจากโรค
1.กลาก ซึ่งเป็นเชื้อรา กลุ่ม dermatophyte ครับ จะมีอาการคัน มีผื่นวงแดง มีขุ่ยๆลอก การรักษาคือ การทายาฆ่าเชื้อราอย่างน้อย 2 อาทิตย์ครับ
2.เชื้อราพวก candida ซึ่งจะคันมาก มีตุ่มแดงๆขึ้นตามที่ต่างๆ ไม่มีขุ่ย การรักษาคือการทายาแก้เชื้อราอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เช่นกันครับ
3.การแพ้จากการสัมผัสสารต่างๆ จะมีวงขาวๆ แดงๆ และเป็นขุ่ยๆได้เช่นกัน เช่นการแพ้ผ้าอนามัย เป็นต้นครับ

ถ้าอาการไม่ดีขึ้นแนะนำให้ลองตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาลดูครับ