July 27, 2019 11:41
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
อาการของโรคซึมเศร้าและไบโพลาร์นั้นจะมีความคาบเกี่ยวกันอยู่ครับ
ในคนที่เป็นโรคไบโพลาร์จะมีอาการที่เพิ่มมาจากโรคซึมเศร้าคือจะมีอาการช่วงมีอารมณ์ร่าเริงหรือหงุดหงิดง่ายผิดปกติเพิ่มขึ้นมาสลับกับในช่วงที่มีอาการของโรคซึมเศร้า โดยในช่วงที่มีอารมณ์ดีหรือหงุดหงิดง่ายผิดปกตินั้นมักจะเป็นติดต่อกันนานอย่างน้อย 4-7 วัน ร่วมกับการรู้สึกว่าร่างกายมีเรี่ยงแรงมากขึ้น ร่วมกับมีอาการอื่นๆ คือ
- มีความต้องการนอนลดลง
- มีความรู้สึกว่าตนเองยิ่งใหญ่ขึ้น มั่นใจในตนเองมากเกินควร
- พูดเก่งขึ้น
- ความคิดแล่นเร็ว
- วอกแวกง่าย
- มีความต้องการทำกิจกรรมต่างๆเพิ่มขึ้น มักมีการทำกิจกรรมทีรเสี่ยงอัมากขึ้น มีความต้องการทางเพศสูงขึ้น
- ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากขึ้น
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้ก็ควรปรึกษาจิตแพทย์ที่ดูแลอยู่เพื่อให้ช่วยตรวจประเมินอาการและพิจารณาปรับเปลี่ยนยาใหม่อีกครั้งครับ
ส่วนอาการฝันร้ายนั้นก็อาจเกิดได้จากผลกระทบของการเป็นโรคซึมเศร้าเอง รวมถึงยาที่ใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้าบางชนิดก็อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการฝันร้ายได้ครับ ถ้าหากมีอาการฝันร้ายบ่อยจนรบกวนการนอนหมอก็แนะนำว่าควรปรึกษาจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมดูครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
BPD (ฺBorderline Personality disorder) เป็นอาการผิดปกติทางบุคลิกภาพชนิดก้ำกึ่ง เป็นลักษณะอาการที่มีภาวะอารมณ์รุนแรง มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยที่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมนั้นได้ อาการเด่นๆ จะมีอาการหวาดระแวงกลัวการถูกทอดทิ้ง กลัวคนไม่รัก มีความเครียด มีอารมณ์เศร้า ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้อย่างมั่นคง มักมีปัญหาขัดแย้งกับคนรอบตัวบ่อยๆ อารมณ์แปรปรวน ขึ้นๆลงๆ เปลี่ยนมุมมองในชีวิตบ่อยๆ มีพฤติกรรมเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายหรือทำร้ายตัวเอง ปรับตัวต่อปัยหาต่างๆได้ไม่ดี เป็นต้น
หากปล่อยให้อาการเรื้อรังโดยที่ไม่รักษาหรือรักษาไม่ถูกวิธี อาจทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น และมีภาวะซึมเศร้าร่วมได้ค่ะ
ส่วนซึมเศร้า เป็นอาการผิดปกติทางด้านอารมณ์
อาการเด่นๆของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง
การที่จิตแพทย์จะวินิจฉัยแยกโรคให้แน่ชัดนั้น อาจจะต้องอาศัยข้อมูลจากการถามประวัติเพิ่มเติม โดยพิจารณาที่อาการสำคัญ ระยะเวลาที่มีอาการ ผลกระทบที่เกิดกับตัวผู้ป่วยและคนรอบข้างค่ะ
แต่อย่างไรก็ตาม การรักษาทั้งสองโรคนี้มีแนวทางการรักษาที่ไม่ต่างกันนัก ฉะนั้น ในกรณีนี้แนะนำให้รับการรักษากับจิตแพทยืท่านใดท่านหนึ่งอย่างต่อเนื่อง หากอาการไม่ดีขึ้นต้องแจ้งให้คุณหมอทราบเพื่อปรับยาหรือปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษาให้เหมาะสม หรือ หากมีอาการผิดปกติอื่นๆเพิ่มเติม คุณหมอก้อาจเปลี่ยนวินิจฉัยและให้การรักษาตามแนวทางโรคนั้นๆนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
อย่างหนึ่งที่ต้องเข้าใจก็คือ อาการจองโรคทางจิตเวชนั่นมีความทับซ้อนกันอยู่ครับ การถูกวินิจฉัยด้วย BPD หมายถึงเรื่องบุคลิกภาพ ซึ่งอาจจะทำให้คุณเกิดอารมณ์ซึมเศร้า ผิดหวัง กลัว ซึ่งอาการที่ออกมาจากอารมณ์เหล่านี้ก็มักจะทำให้ถูกวินิจฉัยด้วยโรคซึมเศร้าได้ครับ
ไม่ว่าจะได้รับการวินิจฉัยด้วยโรคใดในสองโรคนี้ก็ตาม สิ่งที่ตามมาก็คือการเข้ารับการรักษาด้วยการทำจิตบำบัดหรือว่าการรับประทานยาซึ่งตรงนี้อาจจะต้องอาศัยการเรียนรู้ของตัวคุณเองในการค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและความคิดบางอย่างเพื่อทำให้คุณรับมือกับอารมณ์และความคิดต่างๆที่เข้ามาได้ดีขึ้นนะครับ
สิ่งที่อยากเสริมนอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญก็คือ การหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้น โดยคุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความเครียดและความเศร้าลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของอารมณ์ที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ การเปลี่ยนแปลงอาจจะค่อยๆอาศัยระยะเวลา แต่ผมเชื่อว่าหากค่อยๆทำงานกับตนเองไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนแปลงจะเป็นไปในทิศทางที่คุณต้องการได้ครับ และหากมีคำถามอื่นๆเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หมอคนนึงบอกเราเป็นโรคซึมเศร้า อีกคนบอกเป็นBPD มันเหมือนกันไหมคะ กลุ่มอาการเดียวกันรึเปล่า ตั้งแต่ปรับยา ฝันร้ายทุกคืนจนไม่อยากหลับเลย แย่มากๆ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)