ประจำเดือนล่าสุดมาวันที่ 24-30 July ค่ะ (รูปที่แนบไป เป็นระยะเวลาที่มีประจำเดือนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานะคะ) ปกติประจำเดือนจะมา 7 วัน และมาจำนวนเยอะมากๆ จะปวดท้องวันที่ 1 หรือ 2 ของวันที่เป็นประจำเดือนแค่วันเดียวเท่านั้นค่ะ วันที่ 6 สิงหาคม เลยไปตรวจดู ทุกอย่างปกติค่ะ หมอบอกว่ามดลูกดี สมบูรณ์มาก ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ วันที่ 13-15 สิงหาคม ไปต่างประเทศกับแฟนค่ะ มีอะไรกันทุกวันค่ะ (เจอกันเดือนละครั้ง ครั้งละ 3 วัน) แฟนหลั่งนอกตลอด ส่วนเราไม่เคยทานยาคุมค่ะ พอกลับถึงไทยเราแอดมิดเข้ารพ.มีไข้สูง ตั้งแต่วันที่ 19-21 สิงหาคม (มีการเจาะเลือดวันที่ 17 และ 19 ตรวจไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก แต่ไม่พบเชื้อค่ะ เป็นไข้เฉยๆ) วันที่ 21 ตอนเย็นๆ รู้สึกหน่วงๆ เหมือนประจำเดือนจะมา เลยเช็คดูมีคราบเลือดติดกางเกงในแค่นิดเดียว ไม่กี่หยด คาดว่าประจำเดือนมา ตอนนั้นคิดว่าทำไมรอบนี้ประจำเดือามาไวจัง มาก่อนปกติ 1 สัปดาห์ (รอบเดือน 35-40 วัน แต่รอบนี้ 28วัน เลยงงๆ) เลยใส่ผ้าอนามัยรอ จนเช้าผ้าอนามัยก็ยังสะอาดไม่มีซักหยด แต่ก็ยังใส่รอต่อ วันที่ 22-23 ประจำเดือนเป็นสีชมพูใสๆ มาแค่นิดเดียว แค่พอเลอะติดกางเกงในเท่านั้น ตลอดวันที่ 22-27 มีแค่อาการมึนหัวตลอดทั้งวัน วันที่ 28 ไม่มีอาการใดๆค่ะ ปกติมากๆ วันที่ 29 เช้านี้ ตรวจขึ้นขีดเดียวค่ะ กังวลว่าจะท้องมั๊ยคะ ต้องตรวจซ้ำอีกมั๊ยคะ ถ้าต้องตรวจซ้ำ จะต้องตรวจอีกทีเมื่อไหร่ เลือดสีชมพูที่มา 2 วันนั้นใช่ประจำเดือนมั๊ยคะ หรือเป็นเพราะเราไม่สบายเลยทำให้ประจำเดือนมาน้อยและมาไวก่อนกำหนด รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ 🙇🏻‍♀️🙇🏻‍♀️🙇🏻‍♀️

สวัสดีครับ

การหลั่งข้างนอก ( withdrawal ) เป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ ครับ
>>จากสถิติ ถ้าทำได้ถูกต้องเลยโอกาสจะตั้งท้องประมาณ 4% แต่โดยทั่วๆไป หรือตามความจริงแล้ว ขณะที่อวัยวะเพศชายสอดใส่ มักมีสเปิร์มออกมาพร้อมกับร้ำหล่อลื่นบ้างบางส่วนครับ ทำให้โอกาสจะตั้งครรภ์ในชีวิตจริงมีสูงถึง 22-27% ครับ

รอบเดือนของผู้หญิงปกติ จะมาประมาณ 3-7 วันครับ กรณีประจำเดือนมาน้อยกว่าปกติ (น้อยกว่า 2วัน หรือ มีเลือดประจำเดือนน้อยมาก หรือเป็นหยดเลือดเพียงเล็กน้อย) อาจมาจากหลายปัจจัยครับ
ตัวอย่างเช่น
1.ตั้งครรภ์ ผู้ที่ตั้งครรภ์อาจมีเลือดออกจากช่องคลอดแบบกะปริบกะปรอย ซึ่งอาจเป็นเลือดออก หลังจากที่ที่เกิดหลังการปฏิสนธิ เนื่องจากตัวอ่อนเคลื่อนไปยึดเกาะฝังตัวที่ผนังมดลูก โดยจะมีเลือดออกเพียง 1-2 วันเท่านั้น ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นเลือดประจำเดือนได้ อาจเกิดจากการคุมกำเนิดที่ผิดพลาด หรือไม่ได้คุมกำเนิดในขณะมีเพศสัมพันธ์ จึงควรตรวจการตั้งครรภ์หากพบอาการดังกล่าวครับ
2.ความเครียด
3.โรคทางระบบสืบพันธ์ เช่น ถุงน้ำรังไข่ (PCOS) ความผิดปกติของมดลูก ปากมดลูก เป็นต้น
4.ความผิดปกติของการสร้างฮอร์โมนเพศหญิง ไม่ว่าจะมาจากภายใน คือร่างกายของเราเอง หรือภายนอก เช่น การใช้ยาคุมกำเนิด ชนิดต่างๆ หรือการใช้ยาอื่นๆที่ส่งผลกระทบต่อการสร้องฮอร์โมนเพศ หรือ การตกไข่
5.การออกกำลำลังกายหรือทำงานหนักมากเกินไป พักผ่อนน้อย เป็นต้น
6.โรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคไตเรื้อรัง anorexia การขาดสารอาหารอย่างรุนแรงเป็นต้น
เบื้องต้น แนะนำให้ไปตรวจร่างกายและตรวจภายในเพิ่มเติมนะครับ

นอกจากนี้ ถ้ามีความเสี่ยงเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ เช่น เคยมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ควรตรวจการตั้งครรภ์เป็นเบื้องต้นไว้ด้วยครับ

ส่วนการรักษาจะเป็นไปตามสาเหตุ เช่น การให้ฮอร์โมนเสริม การผ่าตัด เป็นต้นครับ

1.ปกติประจำเดือนมาเร็วมาช้าได้บวกลบ 7 วันครับ กรณีคนไข้ ยังสามารถเป็นเลือดประจำเดือนได้ครับ

2.การหลั่งนอกมีโอกาสท้องนะครับ เเละช่วง 13-15 สค ที่มีเพศสัมพันธ์ ถ้าพิจารณาจากรอบเดือนเเล้ว มีโอกาสท้องได้ครับ
การมีเพศสัมพันธ์ไม่ได้ใส่ถุงยางเเม้ไม่ได้หลั่ง/หลั่งนอก แต่ถ้ามีการสอดใส่อวัยวะเพศ มีโอกาสท้องครับ เนื่องจากขณะสอดใส่อาจมีอสุจิปนออกมากับน้ำหล่อลื่นฝ่ายชายได้ครับ
......

3.เรื่องเลือดที่ออก คิดอีกเเง่ ถ้ามีการตั้งครรภ์ อาจเป็นเลือดล้างหน้าเด็กได้ครับ
เลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding) คือ เลือดที่ออกมาจากช่องคลอด เกิดจากการฝังตัวของตัวอ่อนเข้ากับเยื่อบุโพรงมดลูก โดยเมื่อไข่ผสมกับอสุจิที่ปลายท่อนำไข่แล้ว ตัวอ่อนจะใช้เวลาประมาณ 7 – 8 วัน ในการเดินทางผ่านท่อนำไข่มาฝังตัวในโพรงมดลูก แต่บางครั้งการฝังตัวนั้นอาจทำให้มีหลอดเลือดเล็กๆในโพรงมดลูกแตก ทำให้มีเลือดออกมาทางช่องคลอดได้ครับ

4.กรณีตรวจเเล้วไม่ท้อง
แต่ยังสงสัย แนะนำให้รอ เพราะบางครั้งค่าของฮอร์โมนอาจจะยังไม่มากพอที่จะให้ผล positive อีกซักสัปดาห์ค่อยตรวจซ้ำ ไม่ควรรีบไปกินพวกยาขับเลือด-ยาสตรี เพราะถ้าเกิดท้องขึ้นมาแล้วจริงๆ ยาพวกนี้อาจจะมีผลต่อเด็กได้ครับ
...........
- ชุดตรวจมีหลากหลายครับ ในรายละเอียดอาจจะต่างกันบ้าง ให้ดูตามคำเเนะนำในกล่องน่าจะดีที่สุดแต่โดยทั้วไปก็คือให้ปัสสาวะใส่ภาชนะ จุ่มที่ทดสอบลงไประยะเวลาหนึ่ง เอาขึ้นมาตั้ง รอเวลา แล้วจึงอ่านผล
- วิธีการเก็บปัสสาวะตรวจก็มีผลต่อการแปลผลมาก
ผลจะแม่นที่สุดควรจะต้องเป็นปัสสาวะครั้งแรกตอนเช้าที่เพิ่งตื่นนอนมาเพราะจะเป็นปัสสาวะที่เข้มข้น ถ้ามี hCG อยู่ก็จะตรวจพบได้ง่ายกว่า
- ชุดตรวจส่วนใหญ่จะแสดงผลเป็นขีดๆ โดยขีดแรกเป็นเส้น control จะต้องขึ้นเสมอไม่ว่าจะท้องหรือไม่ ถ้าไม่ขึ้นแปลว่าที่ตรวจนั้นเสีย ส่วนขีดที่สองถึงจะเป็นตัวบอกว่ามี hCG อยู่
...........
ดังนั้น สองขีดคือท้อง
...........
ขีดเดียวคือไม่ท้อง ถ้าไม่มีซักขีดคือชุดตรวจเสียครับ

การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ทั้งการทหลั่งในหรือหลั่งนอก โดยไม่ได้ทานยาคุมกำเนิดมาก่อนนั้น มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ครับ จึงควรตรวจการตั้งครรภ์ภายหลังมีความเสี่ยงประมาณ14วันขึ้นไปครับ โดยเป็นการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะในตอนเช้าจะให้ผลดีที่สุดครับ และควรตรวจยืนยันผลในอีกประมาณ1อาทิตย์ถัดไปครับ

โดยสาเหตุที่มีเลือดออกมานั้น อาจเกิดได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น เนื้องอกมดลูก เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน หากมีอาการปวดท้องน้อย ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติร่วมด้วย รวมทั้งการบาดเจ็บของมดลูกและช่องคลอดจากการมีเพศสัมพันธ์ ระดับฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงตกไข่ และก่อนหลังมีรอบเดือน ก้อาจเป็นสาเหตุได้ครับ

โดยทั่วไปปกติรอบเดือนนั้นจะมาประมาณทุก21-35วัน อาจมีคาดเคลื่อนได้บ้าง ตามสาเหตุข้างต้น รวมทั้งความเครียด ความกังวล เป็นต้นครับ