January 25, 2017 08:30
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
โรคเอสแอลอี (SLE) มาจากคำว่า Systemic Lupus Erythematosus หรือโรคลูปัสจัดอยู่ในกล่มุโรคแพ้ภูมิตนเองเป็นโรคที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ส่งผลกระทบกับอวัยวะต่างๆในร่างกาย โดยเฉพาะ ผิวหนัง ข้อ ระบบเลือด ไตและระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งแทนที่จะทำหน้าที่ปกป้องร่างกายจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส แต่กลับมาทำร้ายเนื้อเยื่อของผู้ป่วยเอง
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัดแต่พบว่าปัจจัยทางด้าน พันธุกรรมและปัจจัยทางสิ่งแวดล้อมเช่นการติดเชื้อไวรัส แสงแดด การตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเพศหญิง ยาหรือสารเคมี ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมากกว่าผ้ชูาย 9 เท่า ส่วนมากจะพบในช่วงอายุ20-45ปี
หากตรวจพบว่าเป็น SLE การรักษาหลักจะมุ่งเน้นเพื่อลดการอักเสบ และลดการเสื่อมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ไว้ให้ได้มากที่สุด ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไปพบแพทย์ให้สม่ำเสมอ รับประทานยาตามแพทย์สั่ง รับประทานอาหารที่ปรุงสุกและสะอาด
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
รัชนี รุ่งราตรี (พญว.)
สาเหตุของการเกิดโรค
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดโรคที่แน่ชัด
หลักฐานส่วนใหญ่ทางการแพทย์ระบุว่า มีหลายตัวกระตุ้นที่ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ
โดยเฉพาะกรรมพันธุ์ฮอร์โมนเพศหญิง, เชื้อไวรัสและภาวะติดเชื้อบางชนิด
นอกจากนี้ ตัวกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้ คือ แสงแดด รังสียูวี
การสัมผัสกับยาหรือสารเคมีอันตรายบางอย่างติดต่อกันเป็นเวลานาน จนเข้าไปสะสมในร่างกาย
ภาวะเครียด และการตั้งครรภ์ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างรุนแรง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
อยากทราบสาเหตุของโรค SLE ค่ะเกิดจากสาเหตุใด
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)