เวลามีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ได้นำอวัยวะเพศเข้าช่องคลอด(ถูไถแค่ภายนอกไม่ได้นำเข้าไป)มีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่ แล้วยิ่งถ้าเป็นช่วงไข่ตกมีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่

ถ้าไม่ได้มีการสอดใส่ใด ๆ เลยก็ไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เนื่องจากอสุจิเข้าไปในช่องคลอดเองไม่ได้ จึงไม่สามารถผสมกับไข่ได้นั่นเองค่ะ

ถ้ามีโอกาสที่อสุจิที่ยังมีชีวิตจะเข้าไปในช่องคลอดและผสมกับไข่ได้ ก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ค่ะ โดยเฉพาะถ้าอสุจิมีปริมาณมาก เช่น ในกรณีที่นิ้วมือเปียกชุ่มอสุจิที่เพิ่งหลั่งออกมาถูกสอดใส่เข้าไปในช่องคลอด อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการสรุปชัดเจนว่าตัวเลขความเสี่ยงจะเป็นเท่าไหร่ค่ะ

ถ้าไม่ได้เอาอวัยวะเพศชายสอดเข้าในช่องคลอด ไม่ทำให้ตั้งครรภ์หรือ มีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยมาก นิ้วที่เปื้อนเมือก มีอสุจิอยู่บ้าง แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ตั้งครรภ์ และตัวอสุจิ เมื่ออยู่ภายนอกร่างกายไม่กี่นาทีก็ตาย จึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยมากครับ
แต่หากมีการใช้นิ้วที่เปื้อนน้ำอสุจิสอดใส่เข้าในช่องคลอดก้อาจมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ กรณีนี้ อาจต้องทานยาคุมฉุกเฉินครับ

ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งในปี 2011 ชี้ว่าอาจพบอสุจิในน้ำหล่อลื่น ซึ่งมีความเข้มข้นไม่แตกต่างไปจากอสุจิที่พบจากการหลั่งตามปกติค่ะ เพียงแต่ปริมาณของน้ำหล่อลื่นที่มีน้อยกว่า ทำให้ปริมาณรวมของอสุจิมีน้อยกว่าที่พบจากการหลั่งปกตินะคะ

ดังนั้น หากนิ้วที่สอดใส่ไปในช่องคลอดนั้นเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวที่เพิ่งหลั่งออกมา ก็มีความเสี่ยงที่อสุจิที่ยังมีชีวิตจะเข้าไปผสมกับไข่ได้ แต่ไม่สามารถระบุตัวเลขความเสี่ยงที่ชัดเจนได้ว่าเป็นเท่าไหร่ เนื่องจากไม่มีการศึกษาต่อในประเด็นดังกล่าวค่ะ

ยังไม่มีรายงานว่าการใช้นิ้วมือที่เปื้อนอสุจินั้น ช่วยตัวเอง ทำให้ตั้งครรภ์ได้ และจากประวัติก็ตั้งครรภ์ได้น้อยมาก จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินครับ

ไม่มีการรายงานเกี่ยวกับ "โอกาสตั้งครรภ์" จากการสอดใส่ด้วยนิ้วมือค่ะ เพราะการศึกษาที่มีจะทำเฉพาะในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ด้วยอวัยวะเพศเท่านั้น

แต่ก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าการนำอสุจิเข้าไปในช่องคลอดโดยช่องทางอื่น จะไม่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนนะคะ โดยเฉพาะเมื่อมีการศึกษาใหม่ที่ชี้ที่ว่าพบอสุจิอยู่ในน้ำหล่อลื่น และมีความเข้มข้นไม่ต่างไปจากการหลั่งปกติ อีกทั้งเป็นอสุจิที่ยังมีความสามารถในการเข้าผสมกับไข่ได้

อย่างไรก็ตาม หากประเมินความเสี่ยงจากปริมาณของอสุจิทั้งหมดที่อาจพบได้ ในกรณีนี้ก็น่าจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการหลั่งในตามปกติค่ะ (เช่นเดียวกับการหลั่งนอกที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการหลั่งใน)

ดังนั้น หากมีความเสี่ยง เช่น มีการสอดใส่นิ้วมือที่เปียกชุ่มน้ำหล่อลื่นที่เพิ่งหลั่งออกมาเข้าไปในช่องคลอด โดยเฉพาะเมื่ออาจอยู่ในช่วงที่มีไข่ตก ผู้ถามและแฟนก็ควรต้องพิจารณาว่ายอมรับความเสี่ยงที่อาจมีน้อยนั้นได้หรือไม่ เพราะไม่อาจรับรองได้ว่าความเสี่ยงจะเป็นศูนย์ แต่ก็ไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดว่าเป็นเท่าไหร่ จนกว่าจะมีการศึกษาเพื่อหาข้อสรุปที่น่าเชื่อถือในอนาคต

หากไม่มั่นใจ และเนื่องจากผลข้างเคียงจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีอันตรายที่รุนแรงหรือถาวรใด ๆ การใช้ยาคุมฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจมี ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ค่ะ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินควรรับประทานให้เร็วที่สุดที่ทำได้ค่ะ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่หากใช้ทัน 72 ชั่วโมงแรก จะมีประสิทธิภาพดีกว่าการใช้ที่เวลา 72 - 120 ชั่วโมงนะคะ

อย่างไรก็ตาม แม้จะเกิน 72 ชั่วโมงไปแล้ว ก็ยังสามารถใช้ได้ถ้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ค่ะ
..
..
ยาคุมฉุกเฉินที่มีจำหน่ายอยู่ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใด หรือเป็นรูปแบบ 2 เม็ดหรือ 1 เม็ด ก็จะมีตัวยาฮอร์โมนชนิดเดียวกัน และมีปริมาณฮอร์โมนรวมทั้งแผงเท่ากันค่ะ ประสิทธิภาพและผลข้างเคียงจึงไม่แตกต่างกัน สามารถใช้ยี่ห้อใดก็ได้ที่หาซื้อได้สะดวก เนื่องจากต้องรีบรับประทานโดยเร็วนั่นเองนะคะ

ส่วนวิธีการรับประทานแบบใหม่ สามารถรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียวได้ค่ะ นั่นคือ ถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด ก็รับประทาน 2 เม็ดพร้อมกันในครั้งเดียว หรือถ้าใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด ก็รับประทานเม็ดเดียวครั้งเดียว

แต่ถ้าต้องการรับประทานตามวิธีดั้งเดิม ก็ให้ใช้ยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด โดยรับประทานครั้งละ 1 เม็ด รวม 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมงค่ะ แต่ต้องระวังว่าถ้ารับประทานไม่ครบขนาดหรือไม่ตรงเวลา ประสิทธิภาพก็อาจลดลง หรืออาจไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันฉุกเฉินเลยนะคะ

มีการศึกษาว่าทั้ง 2 วิธีมีประสิทธิภาพและผลข้างเคียงไม่แตกต่างกันค่ะ อย่างไรก็ตาม การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่าการรับประทานแบบครบขนาดในครั้งเดียว มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพดีกว่า และยังสะดวกสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ต้องกังวลว่าจะรับประทานไม่ครบขนาดอีกด้วย

ดังนั้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ แนะนำให้รับประทานตามวิธีใหม่ นั่นคือ ใช้ครบขนาดในครั้งเดียวได้เลยนะคะ
..
..
หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ (เร็วหรือช้าก็ได้) ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

ส่วนผลข้างเคียงจากยา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ เจ็บคัดตึงเต้านม ไม่สบายท้อง หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน ซึ่งไม่รุนแรงและหายเองได้ หรืออาจไม่พบผลข้างเคียงใด ๆ เลยก็ได้ค่ะ ไม่ได้สำคัญอะไร

ถ้าไม่มีประจำเดือนมา หรือถ้ากังวลว่าจะตั้งครรภ์ สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
..
..
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเหมือนกับวิธีคุมกำเนิดปกติ ผู้ใช้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา จึงไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เช่น ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากใส่ถุงยางหรือเพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะป้องกันไม่สำเร็จและอาจตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็นค่ะ