คือว่า ฉีดยาคุมแบบ1เดือนไป1ครั้ง 25/11/61 ถึงกำหนด23 /12/61 จากนั้นหยุดฉีดตอนนี้ประจำเดือนไม่มาเลย ตรวจก็ไม่ท้อง 1เดือนกัย13วันแล้ว

เมื่อไม่ได้ฉีดยาคุมต่อตามนัด ก็ไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาแล้วนะคะ หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันก็มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้มากค่ะ ดังนั้น เมื่อไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ ก็ควรจะตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน

และหากการตรวจตั้งครรภ์ทำได้อย่างถูกต้องตามวิธีที่ระบุไว้ในฉลาก และตรวจในเวลาที่เหมาะสม คือ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน และตรวจห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบที่ใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

แต่ถ้าผู้ถามใช้ชุดทดสอบไม่ถูกวิธี หรือตรวจในเวลาที่ไม่เหมาะสม ผลตรวจจะเชื่อถือไม่ได้ค่ะ จึงต้องตรวจใหม่ให้ถูกต้อง

ในกรณีที่ไม่ตั้งครรภ์ หากไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

ประจำเดือนปกติ ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ

เมื่อไม่มีประจำเดือนมาตามรอบปกติ และกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจนนะคะ ซึ่งหากผู้ถามใช้ชุดทดสอบถูกต้องแล้ว ผลที่ออกมาก็เชื่อถือได้ค่ะ แต่ถ้าใช้ชุดทดสอบไม่ถูกวิธีหรือเวลาที่ตรวจไม่เหมาะสม แนะนำให้ตรวจใหม่นะคะ

และหากไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ตั้งครรภ์ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจรักษาค่ะ

หรือหากมีตกขาวปริมาณมากผิดปกติหรือมีสีผิดปกติ, มีกลิ่นเหม็นคาวหรือกลิ่นรุนแรง, แสบหรือคันช่องคลอด หรือปวดท้องรุนแรง ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมและรับการรักษาที่เหมาะสมนะคะ

การมีเลือดออกกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือน เป็นผลข้างเคียงเด่น ๆ ของยาคุมชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยวค่ะ เช่น ยาคุมสูตรหญิงให้นมบุตร, ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน, ยาฝังคุมกำเนิด และห่วงอนามัยชนิดเคลือบฮอร์โมน

ส่วนยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 1 เดือน เป็นยาคุมชนิดฮอร์โมนรวม (เช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดสูตรปกติ และแผ่นแปะคุมกำเนิด) ซึ่งผู้ใช้จะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติในช่วงปลอดฮอร์โมนค่ะ

ดังนั้น การที่ผู้ถามมีเลือดกะปริบกะปรอย หรือไม่มีประจำเดือนมา จึงไม่น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมที่เคยใช้นะคะ

มีหลายสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนได้นะคะ เช่น ความเครียด, การเจ็บป่วย, การใช้ยาคุม/ฮอร์โมน หรือแม้แต่ความแปรปรวนของฮอร์โมนตามวัย

แต่คงระบุแน่ชัดได้ยากว่าการที่ผู้ถามมีความเครียด เป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้ยังไม่มีประจำเดือนมาหรือไม่ และหากใช่ ประจำเดือนจะคลาดเคลื่อนไปนานกี่วัน

อย่างไรก็ตาม หากไม่ใช่เพราะมีการตั้งครรภ์ ก็แนะนำให้รอดูไปก่อนนะคะ และหากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง เพราะถ้าใช้ได้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2%

และหากไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปทั้งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสมค่ะ

การตรวจตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในฉลากนะคะ เนื่องจากแต่ละยี่ห้อและแต่ละรูปแบบอาจมีวิธีการใช้ที่แตกต่างกัน ส่วนเวลาที่เหมาะสม ก็คือตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ปัสสาวะแรกของวัน โดยตรวจห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

หากตรวจได้ถูกต้องตามนี้ เมื่อได้ผลตรวจออกมาเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% (หรือตามที่ชุดทดสอบที่ใช้ให้การรับรอง) ว่าไม่มีการตั้งครรภ์นะคะ

แต่ถ้าตรวจอย่างถูกต้อง แล้วได้ผลออกมาเป็น 2 ขีด โดยขีดที่ 2 พบจาง ๆ แนะนำให้รอ 2 - 3 วันค่อยตรวจซ้ำอีกรอบในเวลาหลังตื่นนอนตอนเช้าเช่นเดิมค่ะ

ส่วนในกรณีที่การตรวจครั้งแรก ผู้ถามทำไม่ถูกวิธี หรือตรวจในเวลาที่ไม่เหมาะสม แนะนำให้ตรวจใหม่ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ