เป็นตกขาวสีเขียวค้ะจะเป็นไรมั้ยค้ะ

สวัสดีค่ะ คำถามของคุณอาจกว้างเกินไป ทำให้คุณหมอไม่สามารถให้ความเห็นได้ กรุณาอธิบายอาการอย่างละเอียดว่าเป็นอย่างไร บริเวณไหน เป็นมานานและถี่แค่ไหน รวมไปถึงข้อมูลส่วนตัวของคุณ เช่น เพศ อายุ ยาหรืออาหารเสริมที่ทานอยู่ เป็นต้น หรือคุณอาจค้นหาคำตอบคุณหมอ และกว่า 5,000 บทความสุขภาพในเว็บของเรา หากคุณถามเกี่ยวกับโรงพยาบาล คุณสามารถค้นหาข้อมูลติดต่อของโรงพยาบาลได้ที่นี่ หรือส่งอีเมลมาที่ [email protected] ค่ะ ขอบคุณค่ะ

ตกขาวที่ปกติคือ มีสีขาวขุ่น มีกลิ่นคาวเล็กน้อย เเต่ถ้ามีสีผิดปกติ เช่น มีสีเหลืองเขียว มีเลือดปน หรือขาวเป็นก้อนคล้ายนมบูด ร่วมกับมีกลิ่นเหม็น คันช่องคลอด เเบบนี้คิดถึงการติดเชื้อในช่องคลอดครับ
อาการคนไข้ตกขาวมีสีเหลืองเขียว อาจเป็นการติดเชื้อโปรโตซัว พวกTrichomoniasis

อาการของTrichomoniasis คือมีตกขาว เหลืองเขียว (บางคนเป็นสีขาวหรือเทาก็ได้) มีฟอง มีกลิ่นเหม็นคันช่องคลอด

เบื้องต้น เเนะนำให้ไปพบเเพทย์เพื่อประเมิน เพราะการติดเชื้อในช่องคลอด มีทั้ง เชื้อรา เเบคทีเรีย หรือ โปรโตซัวก็ได้
การติดเชื้อบริเวณช่องคลอดนี้ถ้าไม่ได้รักษาอาจลามไปเป็นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานได้ครับ ซึ่งจะมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วยเเล้วครับ

การรักษาเรื่องตกขาวคือการรับประทานหรือสอดยาฆ่าเชื้อครับขึ้นกับว่าติดเชื้ออะไร

ถ้าเป็นTrichomoniasis (หรืออื่นๆ เช่น Bacterial vaginosis) จริงการรักษาคือ
1.Metronidazole 2 กรัม กินครั้งเดียว (กินทีเดียว4-5เม็ดขึ้นกับว่าเม็ดนึงกี่mg)
หรือ
2.Metronidazole 500mg ครั้งละเม็ดเช้าเย็น กิน7วัน

ผลข้างเคียงที่เจอได้บ่อยคือ คลื่นไส้อาเจียน.

ถ้ามีอาการผื่นขึ้น ปากบวม หอบเหนื่อย ให้หยุดยาเเล้วพบเเพทย์ทันทีครับ

ในกรณีที่มีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือ อาจเกิดได้จากโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์เช่น โรคซิฟิลิสครับ โดยเฉพาะในระยะที่ 2 ซึ่งมักจะมีอาการคือ หลังจากที่ผ่านระยะที่ 1 มาแล้วผู้ป่วยซิฟิลิสอาจจะมีผื่นขึ้นได้ ผื่นนี้มักจะขึ้นบริเวณลำตัว แต่ก็สามารถกระจายไปทั่วร่างกาย รวมถึงมีผื่นขึ้นที่มือและเท้าได้เช่นเดียวกันครับ หรือบางครั้งอาจมีแผลคล้ายหูดขึ้นภายในปาก หรือบริเวณอวัยวะเพศร่วมด้วยได้ และผื่นที่เกิดขึ้นมักจะไม่มีอาการคันครับ และอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น ปวดกล้ามเนื้อ มีไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้นครับ หรือผื่นทีเ่กิดขึ้นอาจเกิดจากอย่างอื่นก็ได้เช่นเดียวกัน เช่น ผื่นแพ้ยา/สารต่างๆ, โรคผิวหนังต่างๆ เป็นต้น

ส่วนตุ่มที่เกิดขึ้นก็เกิดได้จากหลายสาเหตุครับ (ตุ่มที่ปากมดลูก น่าจะหมายถึงปากช่องคลอดหรือเปล่าครับ เพราะโดยทั่วไป เราไม่สามารถมองลึกเข้าไปถึงปากมดลูกได้ ยกเว้นใช้เครื่องมือถ่างขยายในการดู เช่น ปากเป็ด) เช่น ผื่นแพ้หรือโรคติดเชื้อทางผิวหนัง, การเป็นเชื้อราที่ช่องคลอดหรือการติดเชื้อโปรโตซัวอื่นๆ, ซิฟิลิส, เริม, หรือหูด เป็นต้นครับ ส่วน HIV นั้นบอกยากครับ แต่ถ้าหากว่าเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วไม่ได้สวมถุงยางอนามัยป้องกันก็ถือว่ามีความเสี่ยงครับ ในช่วงแรกของการติดเชื้อบางคนอาจจะไม่แสดงอาการอะไรออกมาได้เลย ถ้าอยากรู้จริงๆ ควรไปตรวจเลือดครับ