การเจ็บป่วยเป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะต้องเป็น ไม่ว่าจะวัยเด็กแรกเกิดจนกระทั่งวัยชรา ดังนั้นการรักษาเพื่อให้หายจากการเจ็บป่วยด้วยวิธีการใช้ยา ก็นับว่าเป็นสิ่งแรกๆ ที่แพทย์มักจะเลือกใช้ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายเจ็บป่วยจากโรคนั้นๆ แต่เมื่อใดที่มีความผิดปกติเกิดขึ้นหลังการรับประทานยาของผู้ป่วย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยหนึ่งในสาเหตุเหล่านั้นคือการแพ้ยา ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมี “บัตรแพ้ยา” ไว้ประจำตัวผู้ป่วยคนนั้นด้วย
การแพ้ยาคืออะไร
เป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายของผู้ป่วยมีการตอบสนองต่อยา ซึ่งเป็นเพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดการต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ในที่นี้จึงหมายถึงยาที่รับประทานเข้าไปนั่นเอง ความรุนแรงของอาการจะขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาที่ตอบสนองต่อยาชนิดนั้น หากเป็นมากจนกระทั่งมีอาการรุนแรงก็อาจมีความเสี่ยงถึงแก่ชีวิตได้
ตรวจภูมิแพ้และภาวะแพ้วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,376 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการแพ้ยาแค่เพียงเล็กน้อย ได้แก่ ผื่นขึ้นตามตัว เป็นลมพิษ รู้สึกคันและบวม มีไข้ น้ำมูกไหล คันตา น้ำตาไหล หากมีอาการรุนแรงก็คือหายใจไม่ออก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดท้อง ความดันต่ำ ภาวะช็อก ชีพจรเต้นเร็ว ชัก และสูญเสียประสาทการรับรู้
เมื่อมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้นจะต้องหยุดยาและไปพบแพทย์ พร้อมกับแจ้งให้ทราบอย่างทันที โดยที่เราจำเป็นจะต้องสังเกตตนเองว่าหลังการรับประทานยาที่อาจเกิดอาการแพ้ ซึ่งมักจะเกิดอาการทันทีหรือเกิดขึ้นภายใน 2 ชั่วโมง ว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากยังไม่ชัดเจนหรือมั่นใจและจะให้แน่ชัดจริงๆ ก็ควรทดสอบภูมิแพ้ จากนั้นควรจดชื่อยาชนิดที่แพ้ไว้ลงในบัตรแพ้ยา
บัตรแพ้ยาคืออะไรและมีจุดประสงค์การใช้เพื่อประโยชน์อะไร
บัตรแพ้ยาเป็นบัตรที่ใช้บันทึกอาการผิดปกติของการตอบสนองของร่างกาย ในกรณีที่ใช้ยาบางชนิดแล้วมีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยเป็นเอกสารทางการแพทย์ที่จะแจ้งให้แพทย์สามารถเลือกใช้ยาได้อย่างเหมาะสมกับผู้แพ้ยาและปลอดภัย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจดประวัติการแพ้ยาแบบละเอียด ซึ่งหากเป็นผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้ยาก็จะได้รับบัตรแพ้ยามาติดตัวไว้ เพื่อป้องกันการลืมข้อมูลอีกด้วย
ข้อมูลในบัตรแพ้ยา
- มีชื่อสามัญของยา ชื่อเป็นภาษาอังกฤษพร้อมกับชื่อภาษาไทยเพื่อให้ผู้ป่วยอ่านได้สะดวก
- อาการที่เกิด ต้องระบุอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นว่าที่เคยแพ้ยานั้นมีอาการอย่างไรบ้าง
- ผลการประเมิน ข้อนี้ถ้ามีก็ควรลงรายละเอียดให้ครบ
- หน่วยงานและชื่อผู้ประเมิน ระบุชื่อแพทย์หรือเภสัช สถานที่ และวันเดือนปีที่ทำการประเมิน
- คำแนะนำเพิ่มเติม เพื่อป้องกันการแพ้ยาในกลุ่มเดียวกัน อาทิเช่น มีการแพ้ยาชนิดนี้ก็ห้ามใช้ แต่ถ้าเป็นยาชนิดอื่นที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มเดียวกันก็ยังสามารถใช้ได้ หรือควรแจ้งว่ากลุ่มใดควรหลีกเลี่ยง กลุ่มใดสามารถใช้ได้ และกลุ่มใดที่ควรต้องเฝ้าระวัง เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติในการใช้บัตรแพ้ยา
ผู้ที่แพ้ยาจะต้องจำชื่อสามัญของยาที่แพ้ให้ได้ รวมทั้งอาการที่เคยแพ้นั้นเป็นอย่างไร พร้อมกับต้องบอกคนใกล้ตัวอย่างเช่นพ่อแม่ ญาติพี่น้อง หรือคนรักให้ทราบไว้ เพื่อป้องกันในกรณีที่อาจลืมพกบัตรแพ้ยาก็ยังมีข้อมูลแจ้งให้แพทย์ทราบได้ และควรพกบัตรแพ้ยาติดตัวไว้ตลอดเวลา เพื่อแจ้งให้ทางแพทย์และพยาบาลสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับผู้แพ้ยาได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
หากบัตรแพ้ยาหายสามารถติดต่อได้ที่ใด
- หากบัตรแพ้ยาสูญหาย ให้ติดต่อที่สถานพยาบาลเดิมหรืออาจเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้านก็ได้
- สมาคมเภสัชกรรมโรงพยาบาล (ประเทศไทย) ได้จัดทำโปรแกรมสำหรับใช้งานบนสมาร์ทโฟน เพื่อให้ประชาชนสามารถบันทึกประวัติการแพ้ยาของตนเอง รวมทั้งยังให้เภสัชกรผู้ที่ทำหน้าที่ประเมินอาการสามารถบันทึกข้อมูลให้ผู้ป่วย โดยไม่จำเป็นต้องพกบัตรแพ้ยาได้อีกด้วย
- สำหรับคู่มือการใช้ยาหรือ App บัตรแพ้ยา สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
http://thaihp.org/index.php?option=viewhome&lang=th&id=248&sub=-1&layout=0
http://aprchon.com/web/wp-content/uploads/2014/09/manual.pdf
เมื่อเราทราบว่าตนเองแพ้ยาชนิดใดและได้พกบัตรแพ้ยาเพื่อแสดงข้อมูลแก่แพทย์แล้ว จะต้องพยายามปฏิบัติให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็ย่อมมั่นใจได้ว่าการแพ้ยาซ้ำนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกอย่างแน่นอน