กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด (Antiphospholipid syndrome) คือกลุ่มความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันทำลายตนเองที่ไปกำจัดสารที่เรียกว่าฟอสโฟลิพิด ซึ่งเป็นสารจำพวกไขมันที่เป็นส่วนประกอบของเซลล์ทั่วๆ ไปทั้งหมดในร่างกาย แต่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกลับตรวจพบว่าสารฟอสโฟลิพิดของร่างกายนั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม จึงส่งแอนติบอดี้ไปทำลายและกำจัดทิ้ง ซึ่งการทำลายดังกล่าวกระตุ้นให้การเกิดการแข็งตัวของเลือดขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา รวมไปถึงภาวะแท้งบุตร
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด หรือที่รู้จักอีกชื่อหนึ่งว่า กลุ่มอาการฮิวจส์ (Hughe) สามารถเกิดขึ้นในคนทุกเพศทุกวัย แต่จะมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น หากคุณมีภาวะดังต่อไปนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- เป็นผู้หญิง
- เป็นโรคระบบภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือโรคพุ่มพวง
- เป็นโรคติดต่อ เช่น โรคซิฟิลิส โรคไลม์(Lyme) โรคไวรัสตับอักเสบซี โรคติดเชื้อเอชไอวี หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- รับประทานยาบางชนิด เช่น ยาฆ่าเชื้อ Amoxicillin ยากันชัก Phenytoin ยาควบคุมระดับความดันโลหิต Hydralazine หรือยารักษาโรคหัวใจ Quinidine
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคดังกล่าว
อาการและภาวะแทรกซ้อนของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
อาการของกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิดนั้นขึ้นอยู่กับว่าการแข็งตัวของเลือดเกิดขึ้นที่ตำแหน่งใด ในเส้นเลือดแดงหรือเส้นเลือดดำ
โดยกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิดจะสามารถทำให้เกิดปัญหาทางสุขภาพหรือโรคอื่นๆ ดังต่อไปนี้ตามมาได้
- การแท้งบุตรหรือทารกตายในครรภ์หลายครั้ง
- ภาวะครรภ์เป็นพิษ (ภาวะที่หญิงตั้งครรภ์มีความดันโลหิตสูง ไตผิดปกติ และบวมน้ำ)
- ภาวะคลอดบุตรก่อนกำหนด
- ภาวะทารกน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่ากำหนด
- เส้นเลือดสมองอุดตัน
- หัวใจล้มเหลว
- ปัญหาโรคไต
- ภาวะเส้นเลือดที่ขาอุดตัน (Deep vein thrombosis: DVT) หรือเส้นเลือดที่ปอดอุดตัน (Pulmonary embolism)
- ความดันโลหิตที่ปอดสูง (Pulmonary embolism)
- กระดูกบางส่วนตาย
- ปวดศรีษะไมเกรน
- ชัก
- มีเลือดออกเป็นบางครั้ง
ไม่ใช่ผู้ป่วยกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิปิดทุกคนจะต้องมีปัญหาการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ บางคนอาจไม่เคยมีอาการดังกล่าวหรือไม่เคยมีปัญหาสุขภาพต่างๆ มาก่อน
ในผู้ป่วยบางราย อาจมีอาการหลังจากมีภาวะหรือพฤติกรรมดังต่อไปนี้
- ภาวะตั้งครรภ์
- ผ่าตัด
- สูบบุหรี่
- ใช้ยาคุมกำเนิด
- ระดับคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือดสูง
- มีช่วงเวลาที่อยู่นิ่งกับที่นาน เช่น มีประวัติเจ็บป่วย ได้รับบาดเจ็บ หรือนั่งเครื่องบินนาน
การวินิจฉัยกลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิด
กลุ่มอาการต้านฟอสโฟลิพิดนั้นวินิจฉัยได้โดยการทดสอบระดับแอนติบอดีในเลือด ซึ่งจะวินิจฉัยว่ามีความผิดปกติดังกล่าวก็เมื่อตรวจพบแอนติบอดีทั้ง 2 ครั้งในการตรวจเลือด โดยการทดสอบแต่ละครั้งจะทำห่างกันอย่างน้อย 12 สัปดาห์
การรักษากลุ่มอาการต้านฟอสฟอลิพิด
กลุ่มอาการต้านฟอสฟอลิพิดสามารถรักษาได้โดยการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ตัวยาจะทำให้หลอดเลือดมีขนาดเล็กลง ซึ่งจะช่วยหยุดการสร้างลิ่มเลือด การรับประทานยาดังกล่าวจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมากในหญิงตั้งครรภ์ แต่ยานี้ก็สามารถช่วยให้หญิงตั้งครรภ์สามารถคลอดบุตรได้สำเร็จได้ นอกจากนี้ ยายังช่วยลดปัญหาที่อาจตามมาได้ เช่น โรคเส้นเลือดอุดตันในสมอง หรืออวัยวะล้มเหลวจากการเกิดกลุ่มอาการต้านฟอสฟอลิพิด
ทำไมมีรอบเดือนแล้วปวดหัวข้างเดียว