เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่สาม นับว่าเป็นช่วงเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น คุณก็จะให้กำเนิดทารกตัวน้อยๆ ของคุณ แต่ช่วงนี้ก็ถือเป็นช่วงหนึ่งของการตั้งครรภ์ที่ท้าทายที่สุดเช่นกัน
ในบทความนี้จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ ทั้งอาการที่ถือว่าปกติ และอาการที่อาจจำเป็นต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การเปลี่ยนแปลงในร่างกาย
ปวดหลัง
น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ทำให้เกิดแรงกดไปที่หลัง ทำให้รู้สึกเจ็บและปวดได้ คุณยังอาจรู้สึกถึงความสบายตัวที่บริเวณกระดูกเชิงกรานและสะโพกของคุณ เพราะว่าเส้นเอ็นบริเวณนั้นมีการคลายตัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูก ในการลดแรงกดไปที่หลังของคุณ แนะนำให้ฝึกท่าทางของร่างกายให้เหมาะสม โดยการนั่งหลังตรงและนั่งบนเก้าอี้ที่รองรับส่วนหลังได้เป็นอย่างดี การนอนหลับตอนกลางคืน ให้นอนตะแคงข้างโดยให้วางหมอนไว้ระหว่างขา สวมรองเท้าส้นเตี้ย สวมใส่สบาย และรองรับน้ำหนักตัวได้เป็นอย่างดี ในการบรรเทาอาการปวดหลัง ให้ใช้การประคบร้อน และให้สอบถามแพทย์ก่อนว่าคุณสามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้หรือไม่
เลือดออกทางช่องคลอด
เลือดออกทางช่องคลอด บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะร้ายแรง ได้แก่ ภาวะรกเกาะต่ำ (placenta previa), ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (placental abruption) คือรกแยกตัวออกจากผนังมดลูก หรือ การคลอดก่อนกำหนด (preterm labor) ดังนั้นให้ไปพบแพทย์ทันทีที่พบว่ามีเลือดออกทางช่องคลอด
เจ็บครรภ์หลอก (Braxton-Hicks Contractions)
คุณอาจรู้สึกถึงอาการบีบตัวเล็กน้อย ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมของมดลูกสำหรับการคลอดจริงที่กำลังจะมาถึงในอนาคต อาการเจ็บครรภ์หลอก หรือ Braxton-Hicks Contractions มักจะไม่แรงเท่ากับการบีบตัวของมดลูกขณะคลอดจริง เพียงแต่อาจจะรู้สึกหลายครั้ง สิ่งที่แตกต่างที่สำคัญคือ การคลอดจริงจะรู้สึกถึงแรงบีบตัวที่มากกว่า และมากถึงเรื่อยๆ หากคุณมีอาการหน้าแดง และหายใจไม่ออกภายหลังอาการบีบตัวนี้ หรือเป็นอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำ แนะนำให้ไปพบแพทย์
หน้าอกขยายใหญ่ขึ้น
เมื่อสิ้นสุดการตั้งครรภ์ หน้าอกจะใหญ่ขึ้นประมาณ 0.90 กิโลกรัม โดยในช่วงนี้ให้สวมใส่ยกทรงที่รองรับหน้าอกได้เป็นอย่างดี หากใกล้วันครบกำหนดคลอด คุณอาจเริ่มสังเกตเห็นของเหลวสีเหลืองออกมาจากหัวนมของคุณ เราเรียกของเหลวนี้ว่า น้ำนมเหลือง (colostrum) ซึ่งเป็นแหล่งของสารอาหารสำหรับทารกในช่วงไม่กี่วันแรกหลังคลอด
ตกขาว
คุณอาจเห็นตกขาวทางช่องคลอดในช่วงไตรมาสที่สามนี้ หากตกขาวที่เกิดขึ้นที่ช่วงนี้มีมากเกินไปจนซึมผ่านกางเกงในของคุณ แนะนำให้ไปพบแพทย์ เมื่อใกล้วันครบกำหนดคลอด คุณอาจเห็นตกขาวเหนียว, ใส, หรือมีเลือดปนมากับตกขาว ซึ่งสิ่งที่เห็นนี่คือมูกปากมดลูกที่หลุดออกมา ซึ่งเป็นสัญญาณของปากมดลูกที่คลายตัวเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด หากคุณพบน้ำคร่ำไหลอย่างกะทันหัน นั่นหมายความว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว (ประมาณ 8 % ของหญิงตั้งครรภ์จะมีน้ำคร่ำแตกก่อนที่มีจะมีการบีบตัวเกิดขึ้น) หากพบว่าน้ำคร่ำแตก ให้ไปพบแพทย์ทันทีให้ไวที่สุด
อาการอ่อนเพลีย
แม้ว่าในช่วงไตรมาสที่สองคุณจะรู้สึกดีขึ้น รู้สึกมีเรี่ยวแรง แต่อาการอ่อนเพลียจะกลับมาอีกครั้งในช่วงไตรมาสที่สามนี้เอง น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น การตื่นกลางดึกหลายครั้งเพื่อไปเข้าห้องน้ำ และการจัดการกับความวิตกกังวลในการเตรียมตัวสำหรับทารกที่กำลังจะเกิด สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลต่อระดับพลังงานของหญิงตั้งครรภ์ ทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย แนะนำให้รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ และออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกมีพละกำลังมากขึ้น หากคุณรู้สึกอ่อนเพลีย แนะนำให้ลองงีบหลักสักครู่หนึ่ง หรืออย่างน้อยให้นั่งลง และผ่อนคลายซักครู่หนึ่ง
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ปัสสาวะบ่อย
ในตอนนี้ทารกของคุณจะตัวใหญ่ขึ้นมาก โดยทารกอาจจะมีการกลับหัวลงมาที่บริเวณกระเพาะปัสสาวะของคุณ แรงกดที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้คุณรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืน คุณอาจพบปัสสาวะเล็ดราดขณะไอ จาม หัวเราะ หรือออกกำลังกายได้ สำหรับการลดแรงกดที่เกิดขึ้นและป้องกันไม่ให้ปัสสาวะเล็ดราด แนะนำให้เข้าห้องน้ำทุกครั้งที่รู้สึกปวดปัสสาวะและปัสสาวะให้สุดในแต่ละครั้งที่ปัสสาวะ ให้หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำทันทีก่อนนอน เพื่อลดโอกาสการเข้าห้องน้ำกลางดึก สวมใส่ผ้าอนามัยเพื่อดูดซับปัสสาวะเล็ดราดที่อาจเกิดขึ้น หากคุณรู้สึกเจ็บ แสบขณะปัสสาวะ แนะนำให้ไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นอาการของการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้
แสบร้อนกลางอก และ ท้องผูก
อาการทั้งสองนี้เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยฮอร์โมนนี้จะไปคลายกล้ามเนื้อบางส่วนของร่างกาย ได้แก่ กล้ามเนื้อหูรูดที่หลอดอาหาร ซึ่งปกติหูรูดจะหดตัวเพื่อป้องกันไม่ให้อาหารและกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารกลับขึ้นมาที่หลอดอาหาร และไปคลายกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหาร ในการบรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก แนะนำให้รับประทานอาหารให้บ่อยครั้ง แบ่งเป็นมื้อเล็กๆ และหลีกเลี่ยงอาหารมัน เผ็ด และอาหารรสจัด สำหรับอาการท้องผูก แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีใยอาหารมาก ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อช่วยให้อุจจาระนิ่มขึ้น ถ้าอาการแสบร้อนกลางอกหรืออาการท้องผูกรบกวนคุณมาก แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ว่ามียาใดบ้างที่สามารถใช้บรรเทาอาการได้อย่างปลอดภัยระหว่างการตั้งครรภ์
ริดสีดวงทวารหนัก
ริดสีดวงทวารหนักคือเส้นเลือดขอดชนิดหนึ่ง คือมีการบวมของเส้นเลือดรอบๆ ทวารหนัก เส้นเลือดดำนี้จะใหญ่ขึ้นระหว่างตั้งครรภ์เพราะว่ามีเลือดจำนวนมากไหลผ่าน และเกิดจากน้ำหนักตัวที่เพิ่มแรงกดที่บริเวณนี้ ในการบรรเทาอาการคันและอาการเจ็บปวด ไม่สบายตัวที่เกิดขึ้น แนะนำให้ลองนั่งแช่ในน้ำอุ่น สำหรับการใช้ยารักษาให้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเกี่ยวกับการใช้ยาทาชนิดขี้ผึ้ง หรือการใช้ยาระบายชนิด stool softener
หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก
เมื่อมดลูกขยายตัวขึ้น จะขยายขึ้นด้านบน จนกว่าจะอยู่ใต้ต่อกระดูกซี่โครง ทำให้พื้นที่ว่างสำหรับปอดนั้นลดลง ทำให้เกิดความดันเพิ่มขึ้นที่ปอด ทำให้หายใจลำบาก การออกกำลังกายสามารถช่วยเรื่องการหายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบากได้ คุณยังสามารถทดลองนอนหนุนหัวและหัวไหล่ไว้ใต้หมอนขณะนอนหลับเพื่อช่วยเรื่องนี้ได้
มองเห็นเส้นเลือดฝอย spider vein และเส้นเลือดขอด
ระหว่างการตั้งครรภ์ ระบบไหลเวียนเลือดจะส่งเลือดไปยังทารกที่กำลังเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเลือดส่วนเกินจะทำให้เห็นเป็นเส้นเลือดฝอยรวมกันเป็นกลุ่มสีแดง มองเห็นที่ผิวหนัง หรือเรียกว่า spider veins โดย spider veins อาจมีอาการแย่ลงในไตรมาสที่สามได้แต่จะค่อยๆ หายไปเมื่อคลอดลูกแล้ว
แรงกดที่ขาที่มาจากการเติบโตของทารกอาจทำให้เส้นเลือดที่ขาบวมและมองเห็นเป็นสีน้ำเงินหรือสีม่วงที่เส้นเลือด เราเรียกว่า เส้นเลือดขอด แม้ว่าคุณจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเกิดเส้นเลือดขอดได้ แต่คุณสามารถป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงได้ โดยการ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- เคลื่อนไหวร่างกายตลอดวัน
- สวมถุงน่องชนิดพิเศษเพื่อประคองเส้นเลือดดำ
- ยกขาวางไว้บนเก้าอี้เมื่อต้องนั่งเป็นเวลานาน
เส้นเลือดขอดควรจะมีอาการดีขึ้นภายในไม่กี่เดือนหลังคลอดลูกแล้ว
บวม
ในช่วงเวลานี้ คุณอาจรู้สึกว่าแหวนของคุณคับแน่นขึ้น และอาจสังเกตเห็นข้อเท้าและใบหน้าของคุณบวมขึ้น อาการบวมเล็กน้อยนี้เป็นผลมาจากของเหลวส่วนเกินคั่งในร่างกาย (บวม) ในการลดอาการบวม ให้วางเท้าบนเก้าอี้ หรือกล่อง ตลอดเวลาที่คุณนั่ง และนอนยกขาสูงขณะนอนหลับ ถ้าคุณมีอาการบวมอย่างกะทันหัน ให้ไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนอันตรายขณะตั้งครรภ์
น้ำหนักขึ้น
น้ำหนักตัวที่ควรเพิ่มในช่วงไตรมาสที่สามคือ 0.2 – 0.45 กิโลกรัม ต่อสัปดาห์ เมื่อสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 11.3 – 15.8 กิโลกรัม (แพทย์อาจแนะนำปริมาณน้ำหนักที่ควรเพิ่มระหว่างตั้งครรภ์มากหรือน้อยกว่านี้ ถ้าก่อนหน้าตั้งครรภ์คุณมีน้ำหนักตัวน้อยหรือมากกว่ามาตรฐาน) น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์จะมาจากน้ำหนักทารก, น้ำหนักรก, น้ำหนักของน้ำคร่ำ, เลือดและของเหลวในร่างกายที่เพิ่มมากขึ้น, และเนื้อเยื่อเต้านมที่เพิ่มขึ้น หากดูเหมือนว่าทารกจะมีขนาดตัวที่เล็กหรือใหญ่เกินไป โดยการสังเกตจากหน้าท้องของคุณ แพทย์จะตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูว่าการเติบโตของทารกในครรภ์เป็นไปอย่างเหมาะสมหรือไม่
สัญญาณเตือนที่ต้องไปพบแพทย์ทันที
อาการต่อไปนี้อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติขณะตั้งครรภ์ได้ อย่ารอที่จะไปพบแพทย์ตามที่นัด แต่ให้ไปพบแพทย์ทันทีถ้าคุณมีอาการดังต่อไปนี้:
- ปวดท้อง หรือเป็นตะคริวอย่างรุนแรง
- คลื่นไส้หรืออาเจียนรุนแรง
- เลือดออก
- เวียนศีรษะอย่างรุนแรง
- เจ็บ แสบ ขณะปัสสาวะ
- น้ำหนักตัวเพิ่มอย่างรวดเร็วเกินไป (มากกว่า 2.9 กิโลกรัมต่อเดือน) หรือน้ำหนักตัวเพิ่มน้อยเกินไป
https://www.webmd.com/baby/guide/third-trimester-of-pregnancy#1