ทานาคา เป็นสมุนไพรยอดนิยมของชาวพม่า หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อของต้นกระแจะ โดยนำผงจากลำต้นของต้นทานาคามาบดผง ใช้ทาทั้งใบหน้าและผิวกายทั่วตัวสำหรับบำรุงผิวและป้องกันแสงแดด ทานาคาขึ้นชื่อเรื่องสมุนไพรบำรุงผิวพรรณ แต่แท้จริงแล้วทานาคายังมีสรรพคุณอื่นๆอีกด้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hesperethusa crenulata (Roxb.) Roem.
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ชื่อวงศ์ RUTACEAE
ชื่อพ้อง Naringi crenulata (Roxb.) Nicolson
ชื่ออังกฤษ Thanakha
ชื่อท้องถิ่น กระแจะ ขะแจะ ตุมตัง พญายา พินิยา
ถิ่นกำเนิดของทานาคา
ทานาคาพบในเขตร้อนชื้นของเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยและพม่า ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ป่าเต็งรัง ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล100-400 เมตร ออกดอกราวเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม ผลจะแก่ราวเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของทานาคา
ทานาคา เป็น ไม้ยืนต้นขนาดย่อม สูง 3-10 เมตร เปลือกด้านในสีเหลือง มีรอยแตกลึกๆ ใบเดี่ยว รูปไข่ปลายแหลม ขอบหยักเป็นซี่ไม่สม่ำเสมอ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตรและยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร ก้านใบแผ่เป็นปีก มีลักษณะเป็นครีบออกทั้งสองข้าง ดอกออกช่อที่ปลายกิ่งและง่ามใบ ออกดอกเป็นช่อแบบกระจะ ดอกทานาคามีขนสั้นนุ่มและเป็นสีขาวหรือสีขาวอมสีเหลือง กลีบดอกมี 4 กลีบ หลังจากผลัดใบ ใบอ่อนสีน้ำตาลแดง ผลกลมหรือรูปไข่กลับสีเขียว มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร เมื่อผลสุกจะมีสีแดงส้มและดำ มีก้านเกสรตัวเมียและกลีบเลี้ยง เมล็ดแข็ง มีเนื้อบางๆหุ้ม
สรรพคุณของทานาคา
- ตำรายาไทยใช้ทานาคาเป็นยา เปลือกต้นมีรสขมหอม แก้ไข้ ขับผายลม บำรุงดวงจิตให้ชุ่มชื่น จึงนิยมนำมาเข้าตำรับยาหอม โดยบดเป็นผงและชงกินกับน้ำอุ่น ช่วยบำรุงหัวใจ แก้วิงเวียน แก้อ่อนเพลียได้ หรือนำมาต้มกับน้ำร้อนให้หญิงหลังคลอดดื่มเพื่อบำรุงกำลัง
- โบราณนำส่วนเปลือกและแก่นไม้ไปตากแห้ง แล้วนำไปฝนหรือบดเป็นผง ทำเป็นแป้งทาตัว ทาใบหน้าเพื่อบำรุงผิว ช่วยลดผดผื่น ลดสิว ฝ้า รอยด่างดำต่างๆ ปัจจุบันจึงนำผงทานาคาเป็นส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ หรือนำผงทานาคาผสมโยเกิร์ต หรือน้ำผึ้ง ในอัตราส่วน 3 ต่อ 1 แล้วพอกบริเวณใบหน้าหรือผิวกายนาน 10 – 15 นาทีแล้วล้างออกก็ได้เช่นกัน
- แก่นนำมาทำเป็นยาดองเหล้า กินแก้กษัย (การป่วยที่เกิดจากหลายสาเหตุทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม ซูบผอม โลหิตจาง ซูบผอม)
- แพทย์พื้นบ้านใช้ต้นต้มน้ำดื่ม ครั้งละครึ่งแก้ววันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น แก้ปวดตามข้อ ปวดเมื่อย เส้นตึง แก้ร้อนในแก้โรคประดง (อาการโรคผิวหนังมีผื่นคัน เป็นเม็ดขึ้นคล้ายผด คันมากมักมีไข้ร่วมด้วย)
- ผลสุก สามารถรับประทานเป็นอาหารได้ ช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง เจริญอาหาร
ทานาคากับฤทธิ์บำรุงผิวหนังจากงานวิจัย
แสงอัลตร้าไวโอเลตเป็นปัจจัยก่อให้เกิดการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง และทำให้คอลลาเจนใต้ผิวหนังซึ่งมีหน้าที่ช่วยคงความแข็งแรงและยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อผิวหนังลดลง จากการศึกษาทางกระบวนการวิจัยพบว่า ทานาคามีสารสำคัญชื่อมาร์เมซิน (Marmesin) เป็นสารกรองแสงอัลตร้าไวโอเลต จึงทำให้เซลล์ผิวหนังไม่เสื่อมสภาพ ถือเป็นการชะลอความแก่อีกทางหนึ่ง โดยงานวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับองค์ความรู้เดิม ที่คนโบราณมักนำผงจากต้นทานาคามาประทินผิวหนัง แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีงานวิจัยใดที่นำทานาคามาทดลองในระดับคลินิกเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านสิวหรือแบคทีเรียที่กระตุ้นให้เกิดสิว ซึ่งก็ต้องศึกษากันต่อไปในอนาคต
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ทานาผสมน้ำมะนาว ช่วยรักษาสิวได้จริงหรือไม่
ทานาคา อาจไม่ใช่สมุนไพรที่นำใช้ในการรักษาสิวโดยตรง แต่มีผลช่วยในทางอ้อม ในการช่วยลดผดผื่น ลดอาการคันและระคายเคืองผิวหน้า ส่วนน้ำมะนาวนั้นอุดมด้วยวิตามินซีและกรดผลไม้ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และช่วยกัดหัวสิว ทำให้หัวสิวแห้ง และค่อยๆยุบลงได้ ฉะนั้นการนำทานาคาผสมน้ำมะนาวก็มีส่วนช่วยลดการเกิดสิวได้ แต่ทั้งนี้การรักษาความสะอาดของใบหน้าควบคู่ไปด้วยสำคัญที่สุด
วิธีการใช้ทานาคาที่ถูกต้อง
คนโบราณใช้ทานาคาสำหรับบำรุงผิวพรรณ โดยนำผงทานาคามาพรมน้ำเพียงเล็กน้อย แล้วพอกบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก แต่ปัจจุบันจะอาจมีการนำผงทานาคามาประยุกต์ใช้กับส่วนผสมอื่นๆ ก็ได้เช่นกัน เช่น โยเกิร์ต น้ำผึ้ง น้ำมะนาว เป็นต้น ขึ้นอยู่กับรสนิยมและความชอบส่วนบุคคลได้เลย แต่การผสมกับส่วนผสมอื่นๆ อาจต้องคำนึกถึงการระคายเคืองผิวหนังด้วย โดยอาจจะทดสอบบริเวณใต้ท้องแขนก่อน หากมีอาการคัน ระคายเคือง หรือเกิดผื่นแดงให้ล้างออกทันที