ทีมแพทย์แผนไทยประยุกต์ HD
เขียนโดย
ทีมแพทย์แผนไทยประยุกต์ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

บวบหอม (Sponge gourd)

คุณประโยชน์ และวิธีรับประทานบวบหอม พร้อมไขข้อสงสัย บวบหอมให้พลังงานกี่แคลอรี่?
เผยแพร่ครั้งแรก 10 มิ.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 2020 ตรวจสอบความถูกต้อง 19 มิ.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
บวบหอม (Sponge gourd)

บวบหอมเป็นผักที่นิยมนำมาประกอบอาหาร เนื่องจากเป็นผักที่มีกากใยสูง มีส่วนช่วยในการขับถ่ายได้ดี และยังมีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจอีกหลายประการ

ชื่อวิทยาศาสตร์ Luffa cylindrica (L.) M.Roem.

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ชื่อวงศ์    CUCURBITACEAE

ชื่ออังกฤษ         Smooth Loofah, Sponge Gourd, Vegetable Sponge

ชื่อท้องถิ่น         กะตอร่อ บวบกลม บวบอ้ม มะนอยขม มะนอยอ้ม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของบวบหอม

บวบหอมเป็นไม้เถา มีอายุเพียงปีเดียว ลำต้นและกิ่งก้านมีขนที่จะจะค่อยๆ หลุดร่วงไปเมื่อแก่ ใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ปลายใบแหลม ขอบใบหยักเล็กน้อย มีรอยเว้าลึกเป็น 5 แฉก โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจ ก้านใบเป็นเหลี่ยม ดอกเพศผู้และเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน ออกดอกเดี่ยว หรือออกเป็นช่อก็ได้ ดอกเพศผู้เป็นช่อ กลีบรองกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นท่อสั้นๆ ปลายแยกเป็นกลีบเล็กๆ เรียวยาว มีขน กลีบดอก 5 กลีบรูปรี สีเหลือง ขอบกลีบมีรอยย่นเป็นคลื่น เกสรผู้ 3 อัน อับเรณูมีจำนวนช่องไม่เท่ากัน ดอกเพศเมียมักออกเป็นดอกเดี่ยว กลีบรองกลีบดอกและกลีบดอก มีลักษณะเหมือนดอกเพศผู้ รังไข่รูปทรงกระบอกอยู่ต่ำกว่ากลีบรองกลีบดอกและกลีบดอก ภายในมี 3 ช่อง ท่อรังไข่กลมสั้น ปลายแยกเป็น 3 แฉก ผลรูปทรงกระบอก ปลายผลมีรอยของกลีบรองกลีบดอกเหลืออยู่ ผลอ่อนสีเขียว มีลายสีเขียวแก่ ผลแก่สีเขียวอมเหลือง หรือเขียวเข้มปนเทา เนื้อในมีเส้นใยเหนียวเป็นร่างแห เมล็ดรูปรีแบนเมื่อแก่จะเปลี่ยนเป็นสีดำ

คุณค่าทางโภชนาการของผลบวบหอม ต่อ 100 กรัม ให้พลังงาน 16 กิโลแคลอรี

แหล่งที่มา : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

สรรพคุณของบวบหอม

ตำราแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนไทยโบราณ ได้นำบวบหอมมาปรุงยารักษาโรค โดยมีวิธีทำและสรรพคุณดังนี้

  • ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ กล่าวว่า บวบหอมเป็นยาบำรุงธาตุ การรับประทานผลสด จะช่วยบรรเทาอาการไข้และบำรุงน้ำดี ทำให้เจริญอาหาร
  • ใบรักษาแผลสด ห้ามเลือด หรือหากมีอาการเหงื่อออกมาก ให้ใช้ใบสดผสมกับเมนทอลแล้วนำมาตำใช้เป็นยาทาหรือใช้พอก
  • ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน ระบุส่วนใบ ผล ใยบวบ รากและเถา มีรสขมหวานเย็น ออกฤทธิ์ที่ตับ ใช้เป็นยาขับพิษร้อน ถอนพิษไข้ ดอกมีรสชุ่มหวานและเย็นจัด ช่วยดับร้อนในร่างกาย ช่วยทำให้เลือดเย็น วิธีรับประทานคือ นำส่วนต่างๆ ของบวบหอมมาตากแห้ง แล้วต้มในน้ำเดือด รับประทานก่อนอาหารวันละ 3 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน
  • ผลมีรสชุ่มและเย็น ใช้เป็นยารักษาโรคบิดถ่ายเป็นเลือด โดยใช้ผลแห้งประมาณ 1 ผล นำไปเผาให้เป็นถ่านแล้วบดเป็นผง ใช้ผสมกับน้ำปูนใสดื่มครั้งละประมาณ 6 กรัม
  • เถาใช้เป็นยารักษาหลอดลมอักเสบเรื้อรัง ให้ใช้เถาประมาณ 100-150 กรัม นำมาหั่นเป็นแว่นบางๆ ต้มกับน้ำ 1,000 ซีซี โดยต้มจนเหลือน้ำประมาณ 400 ซีซี เสร็จแล้วพักไว้ก่อน นำกากที่ต้มครั้งแรกมาต้มกับน้ำอีก 800 ซีซี แล้วต้มจนเหลือ 400 ซีซี แล้วนำน้ำที่ต้มทั้งสองมารวมกัน เคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ จนเหลือน้ำประมาณ 150 ซีซี ใช้แบ่งดื่มวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 50 ซีซี ติดต่อกัน 10 วัน
  • นำเถามาคั่วให้เหลืองแล้วบดเป็นผง ใช้ทำเป็นยานัตถุ์เป่าเข้าจมูก แก้แผลเรื้อรังในจมูก ทำติดต่อกัน 2-4 วัน
  • กรณีมีพยาธิตัวกลมในลำไส้ ผู้ใหญ่ใช้เมล็ด 40-50 เม็ด เด็กใช้เมล็ด 30 เม็ด นำมาตำให้ละเอียด รับประทานช่วงท้องว่าง หรือก่อนมื้ออาหาร วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 2-3 วัน จะช่วยถ่ายพยาธิตัวกลมออกทางอุจจาระ

การนำบวบอ่อนมาปรุงอาหาร

บวบหอมสามารถนำมาประกอบอาหารได้หลากหลายโดยไม่จำเป็นต้องปอกเปลือก เช่น บวบผัดไข่ บวบผัดเต้าหู้ อ่อมไก่ใส่บวบ แกงจืดบวบ เป็นต้น

ข้อห้ามและข้อควรระวังในการรับประทานบวบหอม

แพทย์แผนโบราณกล่าวว่า หากรับประทานเมล็ดของบวบหอมมากเกินไป อาจทำให้อาเจียนและท้องเดิน ส่วนเนื้อผลของบวบหอมเป็นผักที่สามารถรับประทานได้เป็นประจำ


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
วิทยา บุญวรพัฒน์. หนังสือสารานุกรมสมุนไพรไทย-จีน ที่ใช้บ่อยในประเทศไทย. 2554
สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข, ผักพื้นบ้าน, 2540.
ลีนา ผู้พัฒนพงศ์ ธวัชชัย วงศ์ประเสริฐ. สมุนไพรไทย ตอนที่ 5, 2530

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป