ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ก้อนในช่องท้อง สามารถทำให้เกิดอาการบวมที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และอาจทำให้ท้องมีรูปร่างเปลี่ยนแปลงไป ผู้ป่วยที่มีก้อนในท้องอาจสังเกตได้ว่าตนเองมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ไม่สบายท้อง ปวดท้อง และท้องอืด
ก้อนในท้องถูกแบ่งเป็นชนิดต่างๆ ตามตำแหน่งในทางการแพทย์ ซึ่งก็คือ ด้านบนขวา ด้านบนซ้าย ด้านล่างขวา และด้านล่างซ้าย นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักคือ
- บริเวณใต้ลิ้นปี่ (Epigastric Section) : ส่วนที่อยู่เหนือสะดือไปจนถึงราวซี่โครง
- บริเวณรอบสะดือ (Periumbilical Section) : ส่วนที่อยู่รอบสะดือและต่ำกว่าสะดือทั้งหมด
อาการแสดงของการมีก้อนในช่องท้อง
ผู้ที่มีก้อนในช่องท้อง มักมีอาการแสดงดังนี้
- ท้องบวมผิดปกติ
- ปวดในท้อง
- อืดท้อง
- คลื่นไส้ อาเจียน
- น้ำหนักเพิ่มไม่ทราบสาเหตุ
- ปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ออก
- เป็นไข้
ก้อนในช่องท้องมีทั้งแบบแข็ง หรือแบบนิ่ม กดแล้วเคลื่อนที่ได้ หากก้อนที่ช่องท้องไปกดทับอวัยวะข้างเคียงก็อาจทำให้อวัยวะเสียหายและบาดเจ็บ ในกรณีนี้อาจต้องผ่าตัดก้อนดังกล่าวออกให้เร็วที่สุด หากมีก้อนหลายก้อนเกิดขึ้นในช่องท้อง อาจต้องใช้วิธีการรักษาหลายอย่างร่วมกันหรือเข้ารับการผ่าตัดเพื่อกำจัดก้อนดังกล่าว
ผู้หญิงบางคนอาจพบก้อนในช่องท้องซึ่งอาจเกิดจากการมีถุงน้ำในรังไข่ ซึ่งอาจหายไปได้เองโดยไม่ต้องรับการรักษา แต่ถ้าถุงน้ำมีขนาดใหญ่เกินไปหรือทำให้เกิดอาการเจ็บปวด ก็อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเช่นกัน
สาเหตุของก้อนในช่องท้อง
ก้อนในช่องท้อง สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ถุงน้ำหรือซีสต์ (Cysts) : ถุงน้ำเป็นก้อนเนื้อผิดปกติที่เกิดขึ้นในร่างกาย ภายในบรรจุไปด้วยของเหลวหรือสารจากการติดเชื้อ ถุงน้ำที่มักเกิดในช่องท้อง ได้แก่
- ถุงน้ำรังไข่ (Ovarian Cyst) : ถุงน้ำที่เกิดขึ้นภายในหรือรอบๆ รังไข่
- โรคถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) : มักเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดีซึ่งเป็นก้อนแข็งๆ ที่ปิดกั้นท่อน้ำดี ให้อุดตัน จึงส่งผลให้เกิดการอักเสบของถุงน้ำดี
- โรคมะเร็ง (Cancer) โรคมะเร็งที่มักทำให้เกิดก้อนในท้อง ได้แก่ มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งไต มะเร็งตับ และมะเร็งกระเพาะอาหาร
- โรคอื่นๆ : โรคบางอย่างอาจทำให้เกิดก้อนในช่องท้อง เช่น
- โรคโครนส์ (Crohn’s Disease) : เป็นกลุ่มของการอักเสบในทางเดินอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุทางเดินอาหาร
- หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องท้อง (Abdominal Aortic Aneurysm) : เกิดจากหลอดเลือดใหญ่ที่ส่งเลือดเลี้ยงบริเวณหน้าท้อง กระดูกเชิงกราน และขาทั้งหมดเกิดการโป่งพองขึ้น
- ฝีตับอ่อน (Pancreatic Abscess) : ภาวะที่ตับอ่อนเกิดโพรงที่เต็มไปด้วยหนอง
- โรคถุงผนังลำไส้อักเสบ (Diverticulitis) : การอักเสบของถุงผนังลำไส้ โดยปกติจะเกิดขึ้นในจุดที่อ่อนแอที่สุดของลำไส้ใหญ่และลำไส้ใหญ่ส่วนต้น
- โรคไตบวม (Hydronephrosis) : เป็นความผิดปกติที่ทำให้ไตขยายขนาด เนื่องจากมีปัสสาวะคั่งอยู่ภายใน
- ภาวะตับโต (Hepatomegaly)
- ภาวะม้ามโต (Splenomegaly)
การวินิจฉัยก้อนในช่องท้อง
ระหว่างการตรวจร่างกาย แพทย์อาจขอให้ผู้ป่วยนอนหงายในขณะที่ทำการกดเบาๆ บนตำแหน่งต่างๆ บนหน้าท้อง การตรวจนี้ช่วยให้แพทย์สามารถระบุตำแหน่งของก้อนในท้องหรืออวัยวะที่ขยายใหญ่โตขึ้น และเพื่อดูว่าผู้ป่วยมีอาการกดเจ็บที่ตำแหน่งใดบ้าง
แพทย์อาจใช้การถ่ายภาพรังสี เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในช่องท้อง (CAT) การเอกซเรย์ช่องท้อง และการอัลตราซาวด์ช่องท้องเพื่อหาขนาดและตำแหน่งของก้อนในท้อง การถ่ายภาพรังสีนี้สามารถระบุถึงชนิดเนื้อเยื่อ หรือประเภทของก้อนในท้องได้อีกด้วย
แต่หากการถ่ายภาพรังสีให้ข้อมูลกับแพทย์ไม่เพียงพอ แพทย์อาจต้องตรวจเพิ่มเติมในบริเวณท้องให้ละเอียดยิ่งขึ้น ด้วยการใช้การส่องกล้องตรวจลำไส้ (Colonoscopy) เพื่อตรวจทางเดินอาหารอย่างละเอียด
การรักษาก้อนในช่องท้อง
การรักษาก้อนในช่องท้องจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการขึ้น หากผู้ป่วยมีถุงน้ำในช่องท้องขนาดใหญ่ หรือมีอาการเจ็บปวดมาก แพทย์อาจเลือกที่จะกำจัดถุงน้ำดังกล่าวผ่านการผ่าตัด แต่ถ้าการผ่าตัดเป็นอันตราย ศัลยแพทย์อาจใช้วิธีการลดขนาดก้อนดังกล่าวแทน
การทำเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาอาจถูกนำมาใช้เพื่อลดขนาดก้อนในท้องให้เล็กลง หากก้อนมีขนาดเล็กลงแล้ว แพทย์ก็อาจจะเอาก้อนดังกล่าวออกด้วยการผ่าตัด แต่ทางเลือกนี้มักใช้ในผู้ป่วยที่มีก้อนเนื้อมะเร็ง
หากก้อนในท้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน เช่น ถุงน้ำรังไข่ สามารถรักษาได้โดยการบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy) หรือการได้รับยาคุมกำเนิดในปริมาณต่ำ
ที่มาของข้อมูล
April Kahn, What Causes Abdominal Mass? (https://www.healthline.com/symptom/abdominal-mass), September 16, 2015.