บทนำ
ไอบูโพรเฟน คือ ยาแก้ปวดที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านยาทั่วไป ซึ่งเป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) สามารถรักษาอาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลางได้ดี เช่น อาการปวดฟัน ปวดศีรษะไมเกรน เป็นต้น และสามารถลดไข้ ลดอาการอักเสบ บวม แดง เช่น อาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ ข้อเท้าพลิก หรืออาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาต่างๆได้ดี
รูปแบบของยาไอบูโพรเฟน
ผู้ใช้สามารถซื้อยาไอบูโพรเฟนรูปแบบต่างๆได้เองจากร้านยาทั่วไป ซึ่งมีหลายรูปแบบ ได้แก่
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- รูปแบบเม็ด
- รูปแบบเม็ดแคปซูล
- รูปแบบยาน้ำ
- รูปแบบยาทาชนิดเจล หรือ ครีม
- รูปแบบสเปรย์
ในบางรูปแบบอาจมีการนำยาไอบูโพรเฟนมาผสมกับตัวยาสำคัญชนิดอื่น เช่น อาจนำมาผสมกับยาลดอาการคัดจมูก และนำมาจำหน่ายเป็นยารักษาอาการไข้หวัดและคัดจมูกได้
ยาไอบูโพรเฟนเหมาะกับใคร
ในบางรายอาจจะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาไอบูโพรเฟนหรืออาจต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งผู้ที่ต้องระวังในการใช้ยาไอบูโพรเฟนมีดังนี้
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้ยากลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ หรือ non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs)
- มีภาวะกระเพาะอาหารเป็นแผล หรือมีประวัติการเป็นมาก่อน
- เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีอาการรุนแรง
- เป็นโรคตับรุนแรง
- ใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำอยู่เป็นประจำในการป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
- อายุเกิน 65 ปี
- ให้นมบุตร
- เป็นโรคหอบหืด
- มีปัญหาเกี่ยวกับโรคตับหรือไต
- มีประวัติเลือดออกในทางเดินอาหาร
- มีภาวะความดันโลหิตสูง
- มีประวัติหลอดเลือดในสมองแตก
การใช้ยาไอบูโพรเฟนในหญิงตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์ไม่ควรใช้ยาไอบูโพรเฟนอยู่แล้ว ยกเว้นกรณีมีการสั่งใช้ยาโดยแพทย์ประจำตัว และยาไอบูโพรเฟนสามารถส่งต่อสู่น้ำนมแม่ได้ในปริมาณน้อยอาจไม่ส่งผลอันตรายถึงบุตรที่ต้องกินนมแม่ ทั้งนี้จะแนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอลก่อนใช้ยาไอบูโพรเฟนเพื่อใช้ในการแก้ปวดและลดไข้ โดยให้ใช้ในระยะสั้นที่สุด
การใช้ยาไอบูโพรเฟนในเด็ก
ยาไอบูโพรเฟนสามารถใช้ได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป หรือเริ่มใช้ได้ในเด็กที่มีน้ำหนักอย่างน้อย 5 กิโลกรัม โดยใช้ในการรักษาอาการปวดหรือลดไข้
หากบุตรหลานของท่านมีอาการปวดหรือไข้สูงควรเริ่มใช้พาราเซตามอลก่อน หากยังไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์
วิธีการใช้ยาไอบูโพรเฟน
การใช้ยาไอบูโพรเฟนรูปแบบต่างๆ ควรใช้ตามขนาดที่กำหนดไว้ในฉลากยาของยาแต่ละชนิด หรือใช้ตามแพทย์หรือเภสัชกรสั่งเท่านั้น โดยขนาดของยานั้นจะขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนัก และรูปแบบของยาที่ใช้ เช่น ในผู้ใหญ่โดยปกติสามารถใช้ยาได้ในขนาดเม็ดละ 200 มิลลิกรัม 1-2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง แต่ 1 วันไม่ควรใช้ยาเกิน 1,200 มิลลิกรัม
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี อาจต้องปรับขนาดยาให้ต่ำลงโดยขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัวของเด็ก ซึ่งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยา หากใช้ยาไป 3-4 วันแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นควรพบแพทย์
ปฏิกิริยาของยาไอบูโพรเฟนต่อยาชนิดอื่น อาหาร และแอลกอฮอล์
ยาไอบูโพรเฟนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นได้ โดยอาจไปเพิ่มหรือลดการออกฤทธิ์ของยาอื่นได้ หรืออาจเพิ่มผลข้างเคียงของยาได้
ยาที่อาจเกิดปฏิกิริยากับไอบูโพรเฟนได้มีดังนี้
- ยารักษาอาการซึมเศร้า (Antidepressant) บางชนิด
- ยาลดความดันโลหิตในกลุ่มเบต้าบล็อคเกอร์ (beta-blockers)
- ยาขับปัสสาวะบางชนิด
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เช่น แปะก๊วย
- อาหารและแอลกอฮอล์ยังไม่มีหลักฐานถึงปริมาณที่ชัดเจนที่จะส่งผลต่อยาไอบูโพรเฟนได้
ผลข้างเคียงของยาไอบูโพรเฟน
อาการข้างเคียงทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นได้มีดังนี้
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องผูกหรือท้องเสีย
- อาหารไม่ย่อย
- ปวดเกร็งท้อง
อาการข้างเคียงที่อาจเกิด แต่พบได้น้อย ได้แก่
- ปวดศีรษะหรือวิงเวียน
- ความดันโลหิตสูงขึ้น
- กระเพาะอาหารมีการอักเสบ
- มีอาการแพ้ เช่น มีผื่นแดง
- อาการหอบหืดรุนแรงขึ้น
- ไตวาย
- อุจจาระมีสีดำหรืออาเจียนมีเลือดปน
หากมีการใช้ยาไอบูโพรเฟนในปริมาณสูง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอาการดังนี้
- เส้นเลือดในสมองแตก
- อาการหัวใจวาย
- ในเพศหญิงที่ใช้ไอบูโพรเฟนเป็นเวลานานอาจทำให้มีบุตรยากขึ้น แต่อาการจะดีขึ้นเมื่อหยุดยา
การใช้ยาไอบูโพรเฟนเกินขนาด
การใช้ยาเกินขนาดที่กำหนดไว้นั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้มาก ควรนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดและให้นำตัวยาที่ผู้ใช้เกินขนาดนำไปโรงพยาบาลด้วย ในบางรายจะมีอาการอาเจียน ปวดท้องมาก และได้ยินเสียงกริ่งในหูหลังจากใช้ยาปริมาณสูงเกินไปหรืออาจไม่มีอาการใดในช่วงแรก แต่ควรนำส่งโรงพยาบาลทันทีถึงแม้จะยังไม่มีอาการ