ความหมายของภาวะไส้เลื่อน
ไส้เลื่อน (Hernia) เป็นภาวะที่อวัยวะภายในเคลื่อนออกมาอยู่ผิดที่ไปจากตำแหน่งเดิม ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดกับลำไส้เคลื่อนมาจากช่องท้อง ได้แก่
- ไส้เลื่อนผ่านออกมาทางช่องขาหนีบ (Inguinal hernia) พบมากในผู้ชาย
- ลำไส้เลื่อนออกมาบริเวณขาหนีบ (Femoral hernia) พบมากในผู้หญิงสูงอายุ โดยจะพบก้อนตุงบริเวณขาหนีบ
- ลำไส้เคลื่อนออกมาบริเวณสะดือ (Umbilical hernia) พบมากในเด็ก
- ลำไส้เคลื่อนออกมาบริเวณหน้าท้องที่แผลผ่าตัดเก่าแยก (Incisional hernia)
- กระเพาะอาหารเคลื่อนออกมาในช่องปอดผ่านกะบังลม (Hiatal hernia)
สาเหตุของภาวะไส้เลื่อน
ภาวะไส้เลื่อนเกิดจากการอ่อนแอของผนังหน้าท้อง ซึ่งอาจเป็นแต่กำเนิด ภายหลังการผ่าตัด หรืออาจเกิดจากปัจจัยที่มีผลให้ความดันภายในช่องท้องเพิ่มขึ้น เช่น
ผ่าตัดไส้เลื่อน วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 57,000 บาท ลดสูงสุด 6,550 บาท
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ท้องอืด
- มีน้ำในช่องท้อง
- มีรูปร่างอ้วนมากหรือผอมมาก
- การตั้งครรภ์
- การเบ่งถ่ายอุจาระ
- อาการไอเรื้อรัง
- การเล่นกีฬาหนักๆ
พยาธิสภาพของภาวะไส้เลื่อน
พยาธิสภาพของภาวะไส้เลื่อน คือ ลักษณะความผิดปกติของร่างกายเมื่อเกิดภาวะไส้เลื่อน จะเป็นไปตามความรุนแรงของการอุดตัน สำหรับผู้ป่วยรายที่สามารถดันไส้เลื่อนกลับเข้าที่เดิมได้ จะไม่มีพยาธิสภาพมากนัก แต่ในผู้ป่วยรายที่ไส้เลื่อนอยู่ผิดที่และมีการอุดกั้น จะรู้สึกจุก อืด อาหารไม่ย่อย
หากผู้ป่วยไม่สามารถดันไส้เลื่อนกลับเข้าไปได้ จะทำให้การย่อยและการดูดซึมสารอาหารผิดปกติไปในระยะแรก ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องแบบปวดบิดเกร็งอย่างรุนแรงจนอาเจียน ไม่มีการผายลมหรือถ่ายอุจจาระ จากนั้นลำไส้ส่วนที่ถูกอุดกั้นจะเน่าตายเนื่องจากขาดเลือดมาเลี้ยง และหากเยื่อบุช่องท้องอักเสบและติดเชื้อรุนแรงด้วย ผู้ป่วยก็อาจเกิดภาวะช็อกและเสียชีวิตได้ในที่สุด
ชนิดของไส้เลื่อนที่พบได้บ่อยคือ ไส้เลื่อนขาหนีบ โดยลำไส้จะไหลลงไปกองในถุงอัณฑะ แต่สามารถใช้นิ้วดันกลับขึ้นไปได้
อาการของผู้ป่วยภาวะไส้เลื่อน
ผู้ป่วยบางรายอาจมีเพียงความรู้สึกไม่สบายตัวเท่านั้น แต่บางรายจะมีอาการปวดรุนแรง ปวดเกร็งภายในท้อง อาเจียน ท้องอืด ท้องผูก รู้สึกกดเจ็บและผิวหนังอักเสบแดงบริเวณที่ไส้เลื่อน
การวินิจฉัยภาวะไส้เลื่อน
การวินิจฉัยภาวะไส้เลื่อนจะวินิจฉัยผ่านการสอบถามประวัติ อาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้น และจะมีการตรวจร่างกาย ดังต่อไปนี้
- สอบถามว่าผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรง มีอาการปวดเกร็งภายในท้อง และมีอาการท้องอืดบ้างหรือไม่
- แพทย์ตรวจพบก้อนตามตำแหน่งของไส้เลื่อน เช่น บริเวณสะดือ หน้าท้อง ขาหนีบ หรือมีก้อนไส้เลื่อนเคลื่อนที่ลงไปในถุงอัณฑะ และสามารถสังเกตก้อนที่บริเวณตำแหน่งดังกล่าวได้อย่างชัดเจน
ปกติแล้ว ไส้เลื่อนขาหนีบจะโป่งนูนเวลาผู้ป่วยยืน หรือออกแรงเบ่ง เนื่องจากแรงดันในช่องท้องที่เพิ่มขึ้น หากปล่อยไว้นานก้อนจะโตขึ้นและมีภาวะแทรกซ้อนตามมา ได้แก่
- สำไส้กลับเข้าที่เดิมไม่ได้
- ลำไส้ถูกบีบรัดหรือขาดเลือด
- ลำไส้ถูกอุดกั้น
- ปวดท้องมาก
- ท้องแข็ง
- ไม่ผายลม
- ไม่ถ่ายอุจจาระ
- มีอาการเจ็บ เมื่อกดลงไปบริเวณที่ไส้เลื่อน
การรักษาภาวะไส้เลื่อน
แพทย์จะรักษาภาวะไส้เลื่อนโดยการผ่าตัดนำลำไส้กลับเข้าไปในช่องท้อง และเย็บซ่อมรูหรือตำแหน่งที่ลำไส้ออกมา โดยการผ่าตัดที่มักจะได้ผลดี คือการผ่าตัดแก้ไขพื้นที่หรืออวัยวะส่วนที่ออกแรงมาก เช่น
- การผ่าตัดให้ผนังหน้าท้องกระชับตึงขึ้น (Herniorrhaphy)
- การผ่าตัดบริเวณไส้เลื่อน โดยนำไส้กลับเข้าไปในช่องท้องแล้วเย็บซ่อมรูหรือจุดอ่อนให้เรียบร้อย (Herniotomy)
- การผ่าตัดโดยใช้แผ่นสารสังเคราะห์เย็บปิดรูหรือจุดอ่อน (Hernioplasty)
การพยาบาล
หลังจากผู้ป่วยเข้ารับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว การพยาบาลผู้ป่วยสามารถทำได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้
- ดูแลให้กระเพาะอาหารและลำไส้ได้รับเลือดไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ โดยผ่านการฟังเสียงการเคลื่อนไหวของลำไส้
- ประเมินอาการปวดท้อง ท้องอืด อาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้าท้องแข็งเกร็งของผู้ป่วยว่ามีความรุนแรงแค่ไหน
- ให้ผู้ป่วยงดอาหารและน้ำทางปาก เพื่อป้องกันการอักเสบและติดเชื้อในช่องท้อง
- ใส่สายสวนจากจมูกลงสู่กระเพาะอาหาร เพื่อระบายสิ่งที่คั่งค้างในกระเพาะอาหารออกให้มากที่สุด
- วัดสัญญาณชีพทุก 2-4 ชั่วโมง
- ติดตามผลการตรวจเม็ดเลือดขาวในเลือด และให้ยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่ง
- สังเกตอาการอ่อนเพลีย ซึม ไม่มีแรง สับสน ผิวหนังแห้ง และกระหายน้ำของผู้ป่วย เพื่อป้องกันการเสียสมดุลน้ำและเกลือแร่
- บันทึกปริมาณน้ำที่เข้าออกจากร่างกาย และดูแลให้ผู้ป่วยได้รับสารน้ำทางหลอดเลือดดำอย่างเพียงพอ เพื่อทดแทนการงดอาหารและน้ำหลังการผ่าตัด
- ติดตามผลการตรวจเกลือแร่ในเลือดว่ามีระดับสมดุลดีหรือไม่
- หากผู้ป่วยรับประทานอาหารทางปากได้แล้ว แนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำอุ่นๆ หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีแก๊ส รวมทั้งให้ผู้ป่วยพยายามเรอหรือผายลม
- ดูแลให้ผู้ป่วยทุเลาจากอาการปวดท้องและท้องอืด โดยเปลี่ยนท่าให้ผู้ป่วยอยู่บ่อยๆ พยายามให้ผู้ป่วยลุกนั่งและเดินทันทีที่ทำได้
- หลีกเลี่ยงอย่าให้ผู้ป่วยไอ และยกของหนัก
- ฟังเสียงลำไส้บีบตัว เพื่อประเมินการเคลื่อนไหวของลำไส้ว่าทำงานเป็นอย่างไร
- ให้ยาระบายกับผู้ป่วย เพื่อป้องกันอาการท้องผูก
จากวิธีการดูแลที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่าการดูแลผู้ป่วยที่มีภาวะไส้เลื่อนค่อนข้างมีความซับซ้อน และต้องมีการสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไส้เลื่อนขึ้นกับตนเอง คุณควรหลีกเลี่ยงการทำให้ช่องท้องเกิดความดัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดภาวะไส้เลื่อนขึ้น เช่น การยกของหนัก การเบ่งอุจจาระแรงๆ การไอโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น
อยากทราบ ผู้สูงอายุเคยรับการผ่าตัดไส้เลื่อน3ครั้งแล้ว จะมีวิธีป้องกันได้ไหมค่ะ และถ้ามีอารการอีกจะผ่าได้อีกไหมค่ะอันตรายไหม เพราะท่านมีโรคแระจำตัวค่ะ ความดันสูง ไขมันในเลือด และมีกล้ามเนื้อกัวใจตาย2จุดค่ะ ( ขอขอบคุณค่ะ)