Canola oil
น้ำมันชนิดนี้เป็นน้ำมันที่มีปริมาณกรดไขมันโอเมกา 3 มากที่สุดในหมู่น้ำมันที่ใช้ทำอาหารทั่วไป (1300 มิลลิกรัมต่อช้อนโต๊ะ เมื่อเทียบกับปริมาณที่ Institute of Medicine แนะนำให้รับประทานซึ่งอยู่ที่วันละ 1,100 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้ชายและ 1600 มิลลิกรัมต่อวันสำหรับผู้หญิง) คุณสามารถใช้น้ำมันนี้ในการทำอาหาร อบขนม หรือแม้แต่ผัด
Flaxseed และ Flaxseed oil
Flaxseed อุดมไปด้วยโอเมกา 3 ชนิดที่ชื่อ alpha-linolenic acid (ALA) ซึ่งร่างกายสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็น eicosapentaenoic acid (EPA) และ docosahexaenoic acid (DHA) ซึ่งพบในปลา น้ำมันชนิดนี้สามารถใช้ทำอาหารปั่น หรืออบขนมก็ได้ เมล็ด flaxseed 2 ช้อนโต๊ะมี ALA ทั้งหมด 3800 มิลลิกรัม
ข้าวดิบ
ข้าวดิบ 1.5 ถ้วยนั้นมีกรดไขมันโอเมกา 3 ถึง 240 มิลลิกรัม นอกจากนั้นยังมีโปรตีนและเส้นใยอาหารมากกว่าข้าวกล้องถึง 2 เท่า และยังอุดมไปด้วยวิตามินบี แมงกานีส สังกะสี โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม แต่ให้พลังงานต่ำ
ไข่
ไก่ที่ได้รับเมล็ด flaxseed และน้ำมัน canola เป็นอาหารนั้นจะออกไข่ที่มีคุณค่าทางสารอาหารสูงและอาจจะมีโอเมกา 3 ได้มากถึง 115 มิลลิกรัม
ถั่ว edamame
Edamame ต้ม ครึ่งถ้วยนั้นมีโอเมกา 3 300 มิลลิกรัม ทำให้เป็นแหล่งโอเมกา 3 ที่สำคัญสำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรืออาหารแบบ Vegan นอกจากนั้น edamame ยังอุดมไปด้วยโปรตีน (11กรัมต่อครึ่งถ้วย) และเส้นใยอาหาร (9กรัมต่อครึ่งถ้วย) ถั่วชนิดนี้จึงเป็นอาหารทานเล่นที่ดีต่อสุขภาพอย่างมาก
วอลนัท
วอลนัทอุดมไปด้วยไขมันชนิดไม่อิ่มตัวซึ่งรวมถึงโอเมกา 3 (2600 มิลลิกรัมต่อออนซ์) และการใช้น้ำมันวอลนัทในการปรุงอาหารแทนน้ำมันมะกอกนั้นจะให้กรดไขมันโอเมกา 3 สูงกว่าถึง 10 เท่า
ผลิตภัณฑ์จากนม
วัว แกะ และแพะที่เลี้ยงในทุ่งหญ้านั้นจะให้น้ำนมที่มีโอเมกา 3 สูงกว่าปกติ คือประมาณ 100 มิลลิกรัมต่อนม 8 ออนซ์ นมบางชนิดอาจมีการเติมโอเมกา 3 จากน้ำมันปลาเข้าไป ดังนั้นหากคุณแพ้อาหารทะเลควรหลีกเลี่ยงนมประเภทนี้