จำปาดะ หรือ จำดะ (เกิดจากการกร่อนเสียงของคนภาคใต้) เป็นผลไม้ตระกูลเดียวกับขนุน รสหวาน มีกลิ่นเฉพาะตัว คนส่วนใหญ่มักสับสนเนื่องจากมีลักษณะภายนอกของไม้ 2 ชนิดนี้ค่อนข้างคล้ายกัน จำปาดะออกผลปีละ 1 ครั้งในช่วงฤดูฝน นิยมนำมาชุบแป้งทอดคล้ายกล้วยแขกเพื่อรับประทาน
สันนิษฐานกันว่า ชื่อจําปาดะน่าจะเพี้ยนมาจากภาษามาเลเซีย ว่า “Chempedak” หรือ “Cempedak” มีชื่อพฤกษศาสตร์ว่า Artocarpus integer (Thunb.) Merr. วงศ์ Moraceae ถิ่นกำเนิดอยู่ในคาบสมุทรมาลายู อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน และเกาะนิวกินี สำหรับประเทศไทย เป็นผลไม้ท้องถิ่นขึ้นชื่อของภาคใต้ ปลูกมากในจังหวัดสตูลและจังหวัดสงขลา
สายพันธุ์ของจำปาดะ
จำปาดะมี 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่
- จำปาดะขนุน เนื้อนิ่มเหลว เมื่อสุกงอมจะมีรสหวานจัด มีกลิ่นจัด ยวงมักไม่เต็มผล แกะยวงออกจากเปลือกค่อนข้างยาก ติดผลได้ตลอดทั้งปี ขนาดผลใหญ่กว่าจำปาดะบ้าน
- จำปะดะบ้าน เนื้อเหลว รสหวานจัดและมีกลิ่นแรงเช่นเดียวกัน มียวงเต็มผล ติดผลดกมากบางครั้งติดผลรอบต้น ขนาดต้นใหญ่กว่าจำปาดะขนุน ออกดอกช่วงหน้าแล้งและติดผลปีละ 1 ครั้ง เปลือกหนา แต่ฉีกหรือแกะออกจากยวงได้ง่าย
ทั้งสองสายพันธุ์สามารถแยกเป็นพันธุ์มีเมล็ดและไร้เมล็ด นอกจากนี้สายพันธุ์ย่อยสามารถแยกได้ตามพื้นที่การปลูก มีลักษณะเด่นและรสชาติแตกต่างกันไป เช่น
- จำปะดะพันธุ์ทองตาปาน แถบจังหวัดพังงา มีลักษณะเด่นคือเนื้อในมีสีเหลืองทอง รสชาติ ดี ผลและเมล็ดค่อนข้างใหญ่ เปลือกผลค่อนข้างบาง ผิวเรียบตึง และหนามไม่แหลมเหมือนจำปาดะทั่วไป
- จำปาดะพันธุ์ขวัญสตูล มีลักษณะเด่นคือเนื้อสีแหลืองออกสีส้ม ยุม (เนื้อผล)ใหญ่ เนื้อหนา ไม่เละ กลิ่นไม่จัด และรสชาติไม่หวานมาก
- จำปาดะพันธุ์สีทอง ลักษณะเด่นคือเนื้อในเป็นสีเหลืองเข้ม ผลสุกจะมีกลิ่นหอมแรง ติดผลได้ง่าย ผิวผลมีหนามคล้ายผลขนุน
ความแตกต่างของจำปาดะกับขนุน
แม้จะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างให้สังเกตได้ เช่น
- จำปาดะมีรูปร่างผลเป็นทรงกระบอก มีขนาดเล็กกว่าผลขนุน
- ผิวของผล จะเรียบกว่าผลขนุน เปลือกนอกบางและปอกง่ายกว่า สีผิวเปลือกเมื่อแก่ใกล้สุกมีสีเหลืองอมส้ม
- ผลสุกมีรสหวานจัดและมีน้ำเยอะกว่าขนุน เส้นใยเหนียวเคี้ยวไม่ค่อยขาด เนื้อนิ่ม ค่อนข้างเละ ไม่แข็งกรอบเหมือนขนุน กลิ่นแรงคล้ายกลิ่นทุเรียน
- ระหว่างเมล็ดมีใยเหนียวหนืดเป็นยางมาคั่น ต่างจากเมล็ดของขนุน
จำปาดะเอามาทำเมนูอะไรได้บ้าง?
ส่วนต่างๆ ของต้นสามารถรับประทานได้ ทั้งแบบเป็นผลไม้และนำมาประกอบอาหารหรือทำเป็นขนมหวาน เช่นเมล็ดต้มใส่แกงไตปลา ผลอ่อนใช้เป็นผักต้มกับกะทิ ใบสามารถนำมาลวกจิ้มน้ำพริกกินเป็นผักได้ ส่วนเมนูของหวาน ได้แก่ ข้าวต้มมัดไส้จำปาดะ ทำแบบเดียวกับข้าวต้มมัดทั่วไปแล้วนำเฉพาะเนื้อจำปาดะมาใช้เป็นไส้แทนกล้วย แกงบวดจำปาดะ ใช้ส่วนเนื้อมาปรุง ข้อดีคือไม่ต้องใส่น้ำตาลเยอะ เพราะจำปาดะมีรสหวานจัดอยู่แล้ว อีกเมนูคือของขึ้นชื่อ คือ จำปาดะทอด ทำคล้ายกล้วยแขกทอด คาดว่าได้รับอิทธิพลมาจากมาเลเซีย อินโดนีเซีย
คุณค่าทางโภชนาการ
จำปาดะผลสุก 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
- พลังงาน 116 กิโลแคลอรี
- โปรตีน 3.0 กรัม
- ไขมัน 0.4 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต 28.6 กรัม
- วิตามินเอ 200 หน่วยสากล
- วิตามินบี 1 0 มิลลิกรัม
- วิตามินซี 15 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 20 มิลลิกรัม
- ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
- ธาตุเหล็ก 1.5 มิลลิกรัม
ข้อมูลจาก: Directorate Nutrition Department of Health
ประโยชน์ของจำปาดะ
จากการรายงานผลทางวิจัยพบว่า เปลือกต้นและรากมีสารที่ใช้ในการรักษาและป้องกันโรคไข้มาลาเรีย และเมล็ดมีสารเลกติน (Lectins) ที่ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน เนื้อจำปาดะมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลากหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม เป็นแร่ธาตุที่พบมากที่สุด รองลงมาคือแมกนีเซียม แมงกานีส แคลเซียม สังกะสี โซเดียม คอปเปอร์ ตามลำดับ จำปาดะมีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา เส้นใยของจำปาดะเป็นเส้นใยแบบละลายน้ำ สามารถขับไขมันและสารพิษออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้มีสารเบตาแคโรทีน มีน้ำตาลแมนโนส เนื้อผลอ่อนยังช่วยฝาดสมาน แก้ท้องเสีย ส่วนเนื้อผลสุก เป็นยาระบายอ่อนๆ และเมล็ดช่วยขับน้ำนมในสตรีหลังคลอดได้
คำตอบคำถามถามบ่อย: กินจำปาดะมากๆ จะอ้วนหรือไม่?
ถ้ากินเยอะอาจจะอ้วนได้ เนื่องจากมีรสหวานจัด และเนื้อผลสุกมีปริมาณน้ำตาลสูง นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้เจ็บคอและร้อนในได้ หากรับประทานมากเกินความพอดี