แตงโม
แตงโมเป็นผลไม้ที่ให้รสหวานและให้ความรู้สึกสดชื่น แต่อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้เนื่องจากในแตงโมนั้นอุดมไปด้วยน้ำตาลฟรุกโตสซึ่งเป็นน้ำตาลที่มักจะถูกดูดซึมผ่านทางลำไส้ได้ไม่ครบถ้วน ทำให้เกิดแก๊สตามมา ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ามีคนประมาณ 1/3 ที่มีปัญหาในการดูดซึมน้ำตาลฟรุกโตส
ต้นหอม (และผักมีกลิ่นอื่นๆ)
ผักที่มีกลิ่นแรงเช่นต้นหอม (ส่วนที่เป็นสีขาว), กระเทียม, หัวหอม และหอมแดงนั้นอุดมไปด้วย fructans ซึ่งเป็นเส้นใยอาหารประเภทหนึ่งที่ประกอบขึ้นมาจากโมเลกุลของน้ำตาลฟรุกโตส มนุษย์ไม่มีเอนไซม์ที่จะมาช่วยย่อยเส้นใยอาหารชนิดได้ดังนั้นจึงไม่มีใครที่สามารถดูดซึมเส้นใยอาหารชนิดนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดแก๊ซ และท้องอืดตามมา
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แบล๊กเบอร์รี่
แบล๊กเบอร์รี่นั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ก็อุดมไปด้วย polyols ซึ่งเป็นสารที่ใช้ให้ความหวานแทนน้ำตาลเช่นกัน สารนี้มักจะคงอยู่ในระบบทางเดินอาหารเป็นเวลานานและมักจะถูกดูดซึมได้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดอาการท้องอืดและมีลมมากกว่าปกติตามมา
Artichokes
หากคุณรู้สึกว่าตัวเองกำลังมีปัญหาเรื่องท้องอืด คุณควรหลีกเลี่ยงผักชนิดนี้ เนื่องจากมันอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารชนิด fructans ซึ่งไม่สามารถย่อยได้และทำให้เกิดแก๊ซรวมถึงท้องอืดตามมา
มะม่วง
มะม่วงเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีน้ำตาลฟรุกโตสมากกว่ากลูโคส ทำให้ร่างกายยิ่งดูดซึมน้ำตาลฟรุกโตสได้ยากกว่าปกติ ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารอื่นๆ ตามมา
ถั่วลันเตา
การรับประทานถั่วลันเตานั้นอาจจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นขึ้นแต่ก็อาจจะทำให้เกิดแก๊ซตามมาเช่นกัน เนื่องจากในถั่วลันเตามีสาร galacto-oligosaccharides (GOS) ซึ่งประกอบขึ้นมาจากน้ำตาลที่ร่างกายย่อยได้ยากและจะกลายเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียในลำไส้ ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องอืดตามมา นอกจากนั้นถั่วลันเตายังมีเส้นใยอาหารชนิด fructans และ polyols ในปริมาณสูงซึ่งร่างกายมักจะไม่สามารถย่อยสารทั้งสองอย่างนี้ได้สมบูรณ์ ทำให้เกิดแก๊ซตามมาเช่นกัน
พลัม
พลัมอุดมไปด้วยสาร polyols ซึ่งจะถูกแบคทีเรียในลำไส้นำไปย่อยก่อนจะปล่อยแก๊ซออกมา ทำให้เกิดอาการท้องอืด
แอปเปิ้ล
แอปเปิ้ลอาจกระตุ้นให้ผู้ที่ดูดซึมน้ำตาลฟรุกโตสได้ไม่ดีเกิดอาการต่างๆ เช่นท้องอืด ท้องเสีย และอื่นๆ ได้