ประโยชน์ของกรดโฟลิกต่อการตั้งครรภ์
กรดโฟลิก (folic acid) ถือว่าเป็น ซุปเปอร์ฮีโร่สำหรับการตั้งครรภ์เลยทีเดียว การรับประทานวิตามินสำหรับการตั้งครรภ์ที่ประกอบไปด้วยกรดโฟลิก 400 ไมโครกรัมต่อวัน ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และระหว่างตั้งครรภ์จะช่วยป้องกันความผิดปกติของทารก ได้แก่ ความผิดปกติของสมองและไขสันหลัง ได้ โดยให้รับประทานทุกวันอย่างต่อเนื่องร่วมกับการรับประทานอาหารที่เสริมกรดโฟลิกร่วมด้วย
กรดโฟลิกคืออะไร
กรดโฟลิก (folic acid) คือสารอาหารในกลุ่มวิตามินบีที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้น ในขณะที่โฟเลต (folate) คือวิตามินชนิดเดียวกันแต่เป็นรูปแบบที่พบได้ในอาหารตามธรรมชาติ โฟเลตมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง และให้หลอดประสาทของทารกพัฒนาไปสู่สมองและไขสันหลัง หนึ่งในอาหารที่เป็นแหล่งของกรดโฟลิกที่ดีคือธัญพืชชนิดที่มีการเสริมกรดโฟลิกเข้าไป สำหรับโฟเลตจะพบได้ในผักใบเขียวและผลไม้ตระกูลซีตรัส เช่น ส้ม
เมื่อไรที่ควรเริ่มรับประทานกรดโฟลิก
ความผิดปกติของทารกในครรภ์จะเกิดขึ้นภายใน 3-4 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ดังนั้นสำคัญมากๆ คือจะต้องมีปริมาณของโฟเลตในร่างกายให้เพียงพอตั้งแต่ระยะแรกๆ ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกกำลังพัฒนาสมองและไขสันหลังอยู่
ถ้าคุณได้ปรึกษาแพทย์ของคุณว่ากำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ แพทย์จะแนะนำให้คุณรับประทานวิตามินสำหรับการตั้งครรภ์ซึ่งประกอบไปด้วยกรดโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ มีข้อมูลจากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่รับประทานกรดโฟลิกอย่างน้อย 1 ปีก่อนการตั้งครรภ์จะช่วยลดโอกาสคลอดก่อนกำหนดได้ตั้งแต่ 50% ขึ้นไป
แนะนำให้รับประทานกรดโฟลิกทุกวันอย่างน้อย 1 เดือนก่อนที่จะตั้งครรภ์ และให้รับประทานอย่างต่อเนื่องขณะตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามยังแนะนำให้ผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์รับประทานกรดโฟลิกทุกวัน
หากคุณเลือกที่จะซื้อวิตามินสำหรับการตั้งครรภ์มารับประทานเอง คุณควรนำวิตามินนั้นไปให้แพทย์ดูอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าปริมาณวิตามินที่ได้รับนั้นเพียงพอเหมาะสม โดยเฉพาะจะต้องมีกรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบอย่างเหมาะสมด้วย วิตามินสำหรับการตั้งครรภ์แต่ละผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนกัน และบางครั้งอาจมีปริมาณวิตามินและแร่ธาตุน้อยกว่าหรือมากกว่าที่จำเป็น
ปริมาณกรดโฟลิกที่ควรรับประทานคือเท่าใด?
ปริมาณกรดโฟลิกที่แนะนำให้รับประทานในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ทุกคนคือ 400 ไมโครกรัมต่อวัน ถ้าคุณรับประทานวิตามินรวมทุกวันอยู่แล้ว แนะนำให้ตรวจสอบที่ฉลากว่ามีปริมาณเพียงพอแล้วหรือยัง และในบางเหตุผล คุณอาจไม่ต้องการรับประทานวิตามินรวม กรณีนี้สามารถเลือกรับประทานเฉพาะกรดโฟลิกเสริมได้
ปริมาณกรดโฟลิกที่แนะนำต่อวันสำหรับการตั้งครรภ์:
- ขณะกำลังพยายามที่จะตั้งครรภ์: 400 ไมโครกรัม
- สำหรับช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์: 400 ไมโครกรัม
- สำหรับช่วงเดือนที่ 4-9 ของการตั้งครรภ์: 600 ไมโครกรัม
- ขณะกำลังให้นมบุตร: 500 ไมโครกรัม
ประโยชน์ของกรดโฟลิกมีอะไรบ้าง
หากร่างกายมีกรดโฟลิกไม่เพียงพอจะทำให้ทารกในครรภ์เกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defects) ซึ่งจะมีอาการดังนี้
- Spina bifida: การพัฒนาของไขสันหลังหรือกระดูกสันหลังไม่สมบูรณ์
- Anencephaly: การพัฒนาของสมองส่วนสำคัญไม่สมบูรณ์
ในเด็กทารกที่คลอดออกมาแล้วมีภาวะ anencephaly มักจะมีชีวิตไม่ยืนยาว ส่วนเด็กที่มีภาวะ spina bifida มักพิการอย่างถาวร ซึ่งปัญหาดังกล่าวนี้เป็นปัญหาที่น่ากลัว แต่ข่าวดีก็คือ การได้รับกรดโฟลิกที่เพียงพออาจช่วยป้องกันไม่ให้ทารกเกิดปัญหาหลอดประสาทไม่ปิดได้อย่างน้อย 50% มีข้อมูลว่า หากคุณเคยคลอดทารกที่มีปัญหาหลอดประสาทไม่ปิดมาแล้ว การได้รับกรดโฟลิกที่เพียงพอจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะให้กำเนิดทารกที่มีปัญหาหลอดประสาทไม่ปิดลงได้ 70% ถ้าคุณเคยคลอดทารกที่มีปัญหาหลอดประสาทไม่ปิด ขนาดของกรดโฟลิกที่แนะนำจะสูงขึ้นมากกว่าปกติคือ 4,000 ไมโครกรัม (4 มิลลิกรัม) ต่อวัน แต่อย่างไรก็ตามให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอถึงปริมาณกรดโฟลิกที่คุณควรรับประทาน
ถ้ารับประทานกรดโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์และระหว่างการตั้งครรภ์ กรดโฟลิกอาจช่วยป้องกันทารกของคุณจากภาวะดังต่อไปนี้:
- ปากแหว่ง เพดานโหว่
- คลอดก่อนกำหนด
- น้ำหนักแรกคลอดต่ำ
- แท้ง
- การเจริญเติบโตในครรภ์ไม่ดี
กรดโฟลิกยังถูกแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงดังนี้:
- ภาวะแทรกซ้อนของการตั้งครรภ์ (มีรายงาน 1 รายงานพบว่าผู้หญิงที่รับประทานกรดโฟลิกเสริมในช่วงไตรมาสที่สองของการตั้งครรภ์จะลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ)
- โรคหัวใจ
- โรคหลอดเลือดสมอง
- มะเร็งบางชนิด
- โรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease)
แหล่งอาหารที่ดีของกรดโฟลิก
อาหารที่จะช่วยให้คุณได้รับกรดโฟลิกเพิ่มเติมได้แก่
- ธัญพืชที่ได้รับการเติมกรดโฟลิก
- ตับวัว
- ผักโขม
- เส้นก๋วยเตี๋ยวไข่