กรดโฟลิก (folic acid) และโฟเลท (folate) ต่างกันอย่างไร
โดยทั่วไปแล้วเราจะใช้คำว่า โฟเลท เป็นชื่อสามัญสำหรับกลุ่มของสารเคมีที่มีโครงสร้างพื้นฐานมาจากกรดโฟลิก โฟเลทหรือวิตามินบี 9 เป็นหนึ่งใน 13 วิตามินจำเป็นที่ร่างกายจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินบี 9 ขึ้นมาเองได้ ส่วนกรดโฟลิก จะหมายถึงสารที่สังคราะห์ขึ้นสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทั้งโฟลิกและโฟเลทไม่ได้อยู่ในรูปที่ร่างกายพร้อมใช้งาน แต่สารทั้งสองจะต้องผ่านกระบวนการเมทาบอลิซึมของร่างกายให้อยู่ในรูปของ L-5-methyltetrahydrofolate (L-methylfolate) สำหรับใช้ในกระบวนการทางชีววิทยาของร่างกายต่อไป
กรดโฟลิกจำเป็นต่อหญิงตั้งครรภ์อย่างไร
กรดโฟลิกนั้นมีความจำเป็นสำหรับคุณแม่ที่อยู่ในช่วงตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจส่งผลต่อทารกในครรภ์
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
1. กรดโฟลิกกับการป้องกันหลอดประสาทไม่ปิดในทารก
การรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิกสามารถป้องกันหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defect; NTD) กับทารกที่อยู่ในครรภ์ในหญิงที่มีแผนตั้งครรภ์ หรือหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ภาวะ NTD คือความผิดปกติในการสร้างหลอดประสาท มีผลต่อไขสันหลังและสมอง เป็นภาวะที่เกิดในช่วงระยะแรกของการพัฒนาเป็นฟีตัส ในช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ฟีตัสมีพัฒนาการในการสร้างไขสันหลังและสมอง ถ้าหากมีความผิดพลาดของพัฒนาการฟีตัสในช่วงนี้จะส่งผลต่อความผิดปกติของสมองและไขสันหลังของทารกหลังคลอด อาจทำให้สมองขาดหายไป (anencephaly) หรือเกิดเป็นภาวะที่กระดูกสันหลังไม่เชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนเพื่อล้อมไขสันหลัง ทำให้เกิดการโป่งออกของเหลวบริเวณไขสันหลัง เรียกว่า spina bifida
การรับประทานกรดโฟลิกเสริมได้แก่จากวิตามินรวม และจากธัญพืชที่ผ่านกระบวนการเสริมกรดโฟลิกมาแล้ว อย่างแป้ง ซีเรียล หรือพาสตา ก็สามารถป้องกันการเกิด NTD ในทารกได้เช่นเดียวกัน ในปัจจุบัน ประเทศสหรัฐอเมริกามีข้อแนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีความเสี่ยงในการเกิด NTD (ได้แก่ ตัวคุณแม่หรือบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็น NTD มีบุตรคนก่อนหน้าเป็น NTD หรือได้รับยาต้านการชัก) ให้ได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิก 5 มิลลิกรัมต่อวันก่อนการตั้งครรภ์ ในระหว่างช่วงการตั้งครรภ์ และหลังการตั้งครรภ์ และข้อแนะนำสำหรับหญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ให้ได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิก 0.4 ถึง 1 มิลลิกรัม ต่อวัน อย่างน้อย 2 ถึง 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ ในระหว่างการตั้งครรภ์ และหลังการตั้งครรภ์
2. กรดโฟลิกกับการป้องกันการคลอดก่อนกำหนด
การคลอดก่อนกำหนด (preterm birth; PTB) หมายถึงการคลอดก่อนระยะครรภ์ 37 สัปดาห์ เป็นสาเหตุหลักของการเสียชีวิตและการเป็นโรคของทารกหลังคลอด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดมีความเสี่ยงเกี่ยวกับภาวะแทรกซ้อนในระยะสั้นของระบบทางเดินหายใจ ระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบประสาทส่วนกลาง หรือส่งผลในระยะยาว คือการทำงานของกล้ามเนื้อ พฤติกรรมการเรียนรู้ และพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาท มีหลักฐานการศึกษาสนับสนุนว่าโฟเลตมีความสำคัญกับระยะเวลาการตั้งครรภ์ และส่งผลอย่างมีนัยสำคัญในการลดภาวะแทรกซ้อนในระหว่างตั้งครรภ์ ได้แก่ ทารกมีน่ำหนักหลังคลอดน้อย ภาวะทารกตัวเล็ก และภาวะโลหิตจางในมารดา ยังมีการศึกษาถึงการได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิกว่าสามารถป้องกันการคลอดก่อนกำหนด โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดการแท้ง ความผิดปกติของอวัยวะในทารก การตั้งครรภ์แฝด และการเสียชีวิตของทารกในครรภ์ ข้อมูลในปัจจุบันสนับสนุนว่านอกจากขนาดของกรดโฟลิกที่ได้รับแล้ว ขนาดที่ได้รับนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน และมีความเสี่ยงต่ำที่สุดในหญิงที่มีรายงานการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิกก่อนการตั้งครรภ์ 1 ปี
3. ประโยชน์อื่นของการได้รับกรดโฟลิก
นอกเหนือจากการป้องกันภาวะ NTD และการคลอดก่อนกำหนดแล้ว การได้รับกรดโฟลิกในระหว่างตั้งครรภ์สามารถก่อให้เกิดประโยชน์อื่น ได้แก่ หัวใจพิการแต่กำเนิด (congenital heart disease) และเพดานโหว่ (oral cleft) โดยกลไกที่กรดโฟลิกใช้สำหรับป้องกันการเกิดความผิดปกติของอวัยวะนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมเมทาบอลิซึมของโฮโมซิสเตอีน
แม้ว่ายังคงต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อหาคำตอบในส่วนของระยะเวลาที่ควรได้รับ ขนาด และตำรับยา แต่ข้อมูลในปัจจุบันก็เพียงพอต่อการสนับสนุนว่าการได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิกนั้นเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับหญิงในวัยเจริญพันธุ์ รวมถึงหญิงที่มีการวางแผนจะตั้งครรภ์ อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ และหลังจากการตั้งครรภ์