ADHD เป็นโรคที่เกิดจากสารเคมีในสมองบางชนิดไม่สมดุลทำให้เด็กไม่สามารถควบคุมตัวเองให้อยู่นิ่งหรือสงบได้ แม้เด็กจะพยายามแล้วก็ตาม
ADHD มีอาการสำคัญ 3 ประการ ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ซุกซน ไม่นิ่ง (Hyperactive) : ชอบวิ่งวุ่น นั่งไม่ติดที่ ปีนป่าย กระโดด เล่นโลดโผน หากต้องนั่งกับที่จะต้องยุกยิกตลอดเวลา
- ความสนใจสั้น : เบื่อง่าย วอกแวกง่าย ทำงานไม่เรียบร้อย ขาดความรอบคอบ ทำงานไม่เสร็จ
- หุนหันพลันแล่น (Impulsive) : ควบคุมตัวเองไม่ได้ ยับยั้งตัวเองไม่เป็น ใจร้อน มักตอบคำถามก่อนที่ผู้ถามจะพูดจบ รอคอยใครไม่เป็น ชอบพูดแทรกคนอื่น
อาการเหล่านี้ส่งผลให้เกิดการรบกวนชั้นเรียน เด็กสนใจเรียนได้ไม่นาน วอกแวก สนใจสิ่งแวดล้อมนอกห้องเรียน แหย่เพื่อน ลำบากในการปรับตัวเข้ากับเพื่อน คุณครู มีผลการเรียนต่ำลง เด็กมักถูกมองว่าเป็นเด็กดื้อ ซน นิสัยไม่ดี ทำให้ถูกลงโทษบ่อยกว่าเด็กคนอื่นซึ่งอาจเกิดเป็นปัญหาด้านจิตใจตามมา เช่น มองตนเองเป็นคนไม่ดี ไม่มั่นใจในตนเอง รู้สึกว่าตนไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ จนกลายเป็นเด็กก้าวร้าวในที่สุด
แนวทางการช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้น
การให้ความรู้แก่ผู้ปกครอง ให้เข้าใจธรรมชาติของโรคและมีทักษะในการดูแลเด็กสมาธิสั้น ดังนี้
- การสื่อสารกับเด็กสมาธิสั้นควรใช้คำพูดที่ชัดเจน กระชับ ตรงไปตรงมา
- มีทักษะในการจัดการกับพฤติกรรมเด็ก เช่น ไม่ลงโทษด้วยวิธีที่รุนแรง มีหลักการปรับพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยใช้วิธีเสริมแรงทางบวกเพื่อเพิ่มพฤติกรรมที่ต้องการและให้แรงเสริมทางลบเพื่อลดพฤติกรรมที่ไม่ต้องการ โดยการใช้คะแนนดาวสะสมเพื่อแลกของราวัลหรือสิทธิพิเศษต่างๆ เป็นต้น
- ช่วยเหลือด้านการเรียนที่บ้าน เช่น จัดหามุมสงบในบ้าน ให้เด็กทำการบ้านหรือทบทวนบทเรียน (ไม่มีเสียงรบกวน ไม่พลุกพล่าน ไม่มีโทรทัศน์ หรือของเล่นใด)
- จัดโต๊ะหันเข้าฝาผนัง ไม่ใกล้หน้าต่าง หรือ ประตู
- กำหนดเวลาทำการบ้านหรือทบทวนบทเรียนให้แน่นอน และมีผู้ปกครองสอนประกบเพื่อให้เด็กมีสมาธินานขึ้น
- ผู้ปกครองควรควบคุมอารมณ์ตนเองเพื่อทำให้บรรยากาศสงบ
- เปิดโอกาสให้เด็กได้เปลี่ยนอิริยาบถในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเห็นว่าเด็กหมดสมาธิแล้ว
ประสานคุณครูที่โรงเรียน เพื่อให้เข้าใจปัญหาและให้การช่วยเหลือที่เหมาะสม ดังนี้
- การจัดตำแหน่งในชั้นเรียนให้นั่งแถวหน้าใกล้ชิดคุณครู และให้นั่งติดกับเพื่อนที่ไม่ซน ไม่คุย
- อนุญาตให้เด็กลุกจากที่นั่งได้เมื่อเห็นว่าจำเป็น เช่น ให้ไปล้างหน้า ช่วยลบกระดาน แจกสมุดการบ้าน เพื่อช่วยลดความเบื่อของเด็ก
- กรณีที่เด็กสมาธิสั้นมาก ให้ลดระยะเวลาในการทำงานให้สั้นลงเป็นช่วงสั้นๆ หลายๆ ช่วง โดยเน้นให้เด็กได้รับผิดชอบงานให้เสร็จในแต่ละช่วง
- ไม่ตำหนิเด็กหรือประณามว่าเป็นเด็กไม่ดี ไม่ลงโทษด้วยวิธีที่รุนแรง
- สร้างบรรยากาศที่เข้าใจ ให้กำลังใจเด็กบ่อยๆ จะทำให้เขาพยายามปรับตัวเองให้มากขึ้น
- ให้ความสนใจและชื่นชมเมื่อเด็กมีพฤติกรรมที่ดี
- เมื่อต้องการสื่อสารกับเด็กควรสังเกตว่าเด็กอยู่ในภาวะที่พร้อมที่จะรับฟัง ใช้คำพูดที่กระชับได้ใจความชัดเจน หากเด็กเหม่อหรือวอกแวกควรแตะตัวเบาๆ เพื่อให้เด็กรู้สึกตัวและมีความสนใจในสิ่งที่ครูกำลังจะพูด
- คอยตักเตือนแนะนำด้วยท่าทีที่เข้าใจเมื่อเด็กมีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น ใจร้อน เล่นรุนแรง หรือปรับตัวเข้ากับเพื่อนไม่ได้
- ช่วยเหลือด้านการเรียน เนื่องจากเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้นมักมีความบกพร่องด้านการเรียนรู้เฉพาะด้านร่วมด้วย การสอนตัวต่อตัวจะได้ผลดี
การรักษาด้วยยา
- Methyphenidate (Ritalin, Rubifen) เป็นยาที่นิยมใช้รักษาโรคสมาธิสั้นมากที่สุด โดยยาจะออกฤทธิ์ต่อสมองทำให้เด็กสามารถควบคุมตนเอง มีสมาธิจดจ่อได้นานขึ้น นิ่งมากขึ้น เด็กสามารถติดตามบทเรียนในชั้นและรับฟังคำสั่งได้ดีขึ้น ช่วยให้ผลการเรียนดีขึ้น รบกวนชั้นเรียนน้อยลง
- ยาจะออกฤทธิ์ภายใน 30 นาทีหลังรับประทาน และจะออกฤทธิ์ต่อเนื่องนาน 4-6 ชั่วโมง
- ยาไม่มีฤทธิ์กดประสาทไม่ทำให้ง่วงและไม่สะสมในร่างกายแม้จะรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่ยาอาจมีผลข้างเคียงได้ในเด็กบางรายที่ได้รับยาในขนาดสูงๆ เช่น ปวดศีรษะ ปวดท้อง เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ เศร้า หงุดหงิด งอแง
- อาการข้างเคียงเหล่านี้อาจลดลงได้เองในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังจากใช้ยา แต่หากอาการไม่ดีขึ้นแพทย์อาจจะต้องสั่งหยุดยาและอาการจะกลับเป็นปกติ