July 29, 2019 12:47
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
ผมไม่แน่ใจว่าโรงพยาบาลที่ไปคือโรงพยาบาลอะไรนะครับ แต่เข้าใจได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้คือทางครอบครัวค่อนข้างปฏิเสธการรักษา ซึ่งตอนนี้คุณยังอายุ 17 ปีอยู่ตาม กฎหมายแล้วก็ยังเป็นผู้เยาว์ที่ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครองจึงจะสามารถรับการบริการทางการแพทย์บางอย่างได้
ในทางปฏิบัติแล้ว ไม่แน่ใจว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ตัวหนูจะเข้ารับการช่วยเหลือจากทางโรงพยาบาลเองโดยที่ไม่มีผู้ปกครอง เพราะดูแล้วเขาดูไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น ถึงแม้ว่าทางโรงพยาบาลจะเป็นคนติดต่อมาเองแล้วแต่ก็ดูไม่มีความเข้าใจในสิ่งที่หนูกำลังเผชิญอยู่ ในเบื้องต้นอยากแนะนำว่าหากสามารถไปเองก็สามารถเข้าไปเพื่อรับยาหรือพูดคุยกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาได้นะครับ อาจจะไปที่โรงพยาบาลเดิมจะดีกว่าเพราะคิดว่า หากเป็นที่ใหม่ๆ ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะเข้าสถานการณ์เดิม นอกจากนั้นแล้ว หากมีทุนหน่อย การเข้ารับบริการจากนักจิตวิทยาในเรื่องการพูดคุยก็สามารถทำได้ แต่อาจจะต้องเป็นการบริการจากเอกชน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายสูงซักหน่อย หากเป็นรัฐบาลแล้ว การรักษาโดยใช้สิทธิประกันสุขภาพจะสามารถทำได้ทำให้ไม่เสียค่าใช้จ่ายมากด้วยครับ
นอกเหนือจากนั้นอาจจะต้องลองโทรสายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือองค์กรในเรื่องสิทธิเด็กเพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากการละเมิดสิทธิของผู้ปกครองในการกีดกันไม่ให้เราเข้าถึงการช่วยเหลือที่เหมาะสมในด้านการแพทย์ ส่วนด่วน 1300 เป็นอีกจุดหนึ่งที่ลองโทรไปปรึกษากรณีของเราได้ โดยเขาจะเป็นตัวกลางในการประสานและหาช่องทางให้เราได้โดยที่ทำให้เราสามารถเข้ารับบริการทางด้านการแพทย์ได้โดยที่ไม่ติดในเรื่องของข้อกฎหมายและสิทธินะครับ
ในส่วนของการขาดการรักษาตรงนี้ไม่อยากให้กังวลไปครับในเบื้องต้นอยากให้หนูหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้น โดยหนูสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความเครียดและความเศร้าลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ สุดท้ายนี้หากมีคำถามอื่นๆหรือมีอะไรต้องการ update ก็แจ้งเข้ามาได้เลยนะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรักษาโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่องนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นครับ เนื่องจากโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติไป การรักษาด้วยการรับประทานยาเพื่อช่วยปรับการทำงานของสารเคมีในสมองอย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งจำเป็นครับ
ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่เข้าใจในเรื่องการรักษาจริงๆการไปพบแพทย์ด้วยตัวเองอีกครั้งก่อนก็น่าจะได้ประโยชน์มากกว่าครับ ซึ่งในกรณีนี้ก็สามารถแจ้งกับทางแพทย์และพยาบาลถึงความจำเป็นในการที่ต้องมาโรงพยาบาลด้วยตัวเองได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง
หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม
การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ
ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่เข้าใจ ไม่ร่วมมือในการรักษา หนูสามารถไปพบจิตแพทย์รับการรักษาต่อเนื่องได้ด้วยตนเอง และต้องแจ้งความจำเป็นเรื่องผู้ปกครองให้คุรหมอรับทราบ เพื่อจะได้หาแนวทางแก้ไขต่อไปนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
Shintai Thavonlun (นพ.)
อยากให้ไปรักษาอย่างต่อเนื่องครับ
ส่วนการปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวัน อยากให้หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ และโทรปรึกษาเบื้องต้นจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอนนี้อายุ17ปีคะ เป็นขาดการรักษาโรคซึมเศร้ามาปีกว่าเกือบ2ปีแล้วคะ ตอนนั้นรู้สึกไม่โอเคเลยไปแผนกจิตเวช ทางแผนกบอกว่าอาการของหนูค่อนข้างรุนแรง ต้องแจ้งผู้ปกครอง เขาขออนุญาตแจ้งผู้ปกครอง ตอนแรกหนูก็ปฏิเสธไป เขาก็บอกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น พ่อแม่จะเข้าใจหนูที่สุด หนูก็เลยตกลง พอผู้ปกครองรู้ ก็มาที่โรงบาลรับฟังทุกอย่างทำท่าทางเข้าใจยอมรับ แต่พอระหว่างทางกลับบ้าน ผู้ปกครองก็บ่นว่า หาแต่เรื่อง คิดไปเอง จะเป็นบ้าหรือไง สร้างแต่ปัญหา กลับบ้านก็โดนกระหน่ำเรื่องไปโรงบาล จากที่ปกติอยู่บ้านก็ไม่ค่อยคุยกับคนในบ้านยุแล้วตอนนี้ เหมือนอยู่คนเดียวจริงๆ ทางผู้ปกครองก็ไม่ให้ไปรักษาต่อ ทางโรงบาลติดต่อมา ทางผู้ปกครองก็ค่อยรับแล้วก็ปฏิเสธที่จะให้ไปรักษา ทุกวันนี้ทรมารมากคะ รู้นะคะว่าทำนั้นนี้แต่ ใจมันไม่เอาอะไรเลย มันเหนื่อย มันเบื่อ เศร้าหดหู่ อยากร้องไห้ อยากตาย ความรู้สึกมันปนกันทรมารมาก ไปโรงเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่องดึงตัวเองขึ้นมาไม่ได้สักที่เพื่อนๆคนรอบตัวไม่รู้ว่าเราเป็นโรคนี้ ไม่กล้าบอกกลัวความสัมพันธ์จะเเย่ลงเหมือนคนในครอบครัว บางทีรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวก็ไม่รู้จะอยู่ไปเพื่อใคร อยากรู้ว่าถ้าขาดการรักษาอาการจะเเย่ลงมากกว่านี้ไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)