July 10, 2019 20:42
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
จากอาการตามที่เล่ามานั้นหมอคิดว่ามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ
อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ
ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ
http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html
ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมยืนยันสาเหตุให้แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
จากอาการที่เล่ามา หากมีอาการต่อเนื่องนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ ถือว่ามีแนวโน้มที่จะเป็นซึมเศร้าได้สูงค่ะ
ซึมเศร้ามีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งผิดปกติ ทำให้การรับรู้ ความคิด การแสดงออกทางอารมณ์และพฤติกรรมผิดปกติไปจากเดิม หากเจอปัญหาหรือมีเหตุการณ์กระทบกระเทือนจิตใจ จะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
อาการของโรคซึมเศร้า จะมีอาการต่อไปนี้อย่างน้อย 7 ข้อ ต่อเนื่องเกือบทุกวัน นานเกิน 2 สัปดาห์
1.เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข
2.ท้อแท้ เศร้า
3.อ่อนเพลีย
4.นอนไม่หลับ/หลับมากเกินปกติ
5.เบื่ออาหาร/ทานได้เยอะกว่าปกติ
6.ขาดสมาธิ
7.หงุดหงิดง่าย
8.ขี้น้อยใจ รู้สึกไร้ค่า
9.อยากตาย /อยากทำร้ายตัวเอง
หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้าควรพบจิตแพทย์ทันที ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม ไม่ควรปล่อยให้อาการเรื้อรังเพราะจะรักษายากและอาจต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานขึ้นนะคะ
การรักษาซึมเศร้าที่ได้ผลดี คือการรักษาด้วยยา ยาจะช่วยปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ทำให้ควบคุมความคิดอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆได้เหมาะสม ร่วมกับการทำจิตบำบัด จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจทำให้ปรับตัวต่อปัญหาต่างๆได้ดีขึ้นค่ะ
ในระหว่างทำการรักษา ควรทานยาสม่ำเสมอ ไม่หยุดยาเอง หมั่นออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดสารเสพติดทุกชนิด และไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้นนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
จากที่เล่ามาคุณค่อนข้างผ่านอะไรมาเยอะนะครับตั้งแต่อายุ 17-18 ปี ซึ่งผมก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณผ่านพ้นช่วงเวลาตรงนี้ของชีวิตไปให้ได้นะครับ โดยผมคิดว่าจากข้อมูลเหล่านี้ แน่นอนว่าควรจะต้องได้รับการช่วยเหลือจากนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ซึ่ง นอกจากการทานยาบางตัวที่จะช่วยในเรื่องของความคิดและอารมณ์แล้ว การพูดคุยให้คำปรึกษาก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถรับบริการได้ ซึ่งผมเชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์กับคุณในการมีเพื่อนร่วมทางในการสร้างทางเดินชีวิตของคุณเองครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญแล้ว สิ่งที่สามารถทำได้เองเลยก็คือ การหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้น โดยคุณสามารถลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความรู้สึกเศร้าหรือความคิดด้านลบต่างๆลดน้อยลงได้ คล้ายๆกับการพักฟื้นให้สภาพจิตใจของตนเองค่อยๆมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ
สุดท้ายนี้หากรู้สึกว่าต้องการจะพูดคุยกับใครซักคนหนึ่งในเรื่องของความเศร้าหรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณจะสามารถโทรเข้าไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ได้ซึ่ง ข้อเสียคืออาจจะต้องมีการรอสายที่นานในบางช่วงเวลาครับ หากมีความคิดฆ่าตัวตายเข้ามามากๆ สิ่งแรกควรทำคือการพาตนเองไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้เคียง หากว่าไม่สามารถทำได้ก็ควรจะต้องทำก็คือโทรติดต่อหาคนสนิทที่ไว้ใจได้ให้มาช่วยเหลือเนื่องจากคุณมีความคิดแบบนี้ หรือสามารถติดต่อไปที่สมาคมสะมาริตันส์ได้ที่เบอร์ 02-713-6793 เวลาทำการ 12:00-22:00 ซึ่งการบริการจะเป็นการให้คำปรึกษาผ่านโทรศัพท์เช่นเดียวกันครับ หรือสุดท้ายแล้วหากไม่สามารถติดต่อไปที่ทั้งสอง คุณสามารถติดต่อกู้ภัยฉุกเฉิน 1669 เพื่อให้นำตัวเราไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียงได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
สวัสดีค่ะ หนูอายุ 25ปี อยากทราบว่าอาการเข้าข่ายเป็นโรคเคลียดหรือโรคซึมเศร้าไหม เวลาเคลียดหรือเสียใจจะทำอะไรไม่ได้นอกจากทำร้ายร่างกายตัวเอง และจะกรี๊ดคนเดียวร้องไห้คนเดียว ทำอะไรไม่ได้จะจิกหัวตัวเอง ตบหน้าตัวเอง เคยกินยาพารากระปุกนึงฆ่าตัวตายแต่น้องกับพ่อมาช่วยไว้พาไปโรงพยาบาลทัน และครั้งล่าสุดเอาสายจากปลั๊กไฟเพื่อผูกคอจะฆ่าตัวตายแต่ก็มีเพื่อนมาช่วยทัน หลายไครั้งที่อยากตาย ตลอดเวลาจะคิดเล็กคิดน้อยกับทุกเรื่องเหมือนตัวเองไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตเลยค่ะ บางเรื่องที่คนอื่นตื่นเต้นกันเรากลับรู้สึกเฉยๆไม่เห็นน่าตื่นเต้นเลย หลายๆครั้งชอบอยู่กับตัวเองไม่ค่อยอยากออกไปไหน ไม่อยากทำอะไร ไม่อยากพบเจอผู้คน เหมือนคนเบื่อโลกตลอดเวลา เงียบจนหลายคนไม่ค่อยกล้าเข้าไกล้ยิ่งบวกกับที่เราไม่กล้าเข้าสังคมมากๆ แต่กลับรู้สึกชื่นชอบพวกรูปการฆ่าตัวตาย ภาพเศร้าที่เล่าเรื่องได้โดยไม่ต้องมีประโยคบอก และทุกวันจะนอนยากค่ะกว่าจะหลับได้จริงๆก็เกือบตี 5เลย เคยคิดว่าชีวิตตัวเองมันไม่มีความหมายอะไรตายไปไม่นึกถึงใครอยู่แล้ว ถ้าตายไปไม่ขอเกิดมาอีกจะดีกว่า คิดแบบนี้มาเสมอเลยค่ะ ส่วนตัวออกจากบ้านมาตั้งแต่อายุ17 18 หาเลี้ยงตัวเองมาตลอดก็มีบ้างที่ส่งเงินให้ทางบ้านเพราะทางบ้านก็ไม่ได้รวย หลายครั้งที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ตายไปน่าจะสบายกว่า ประเด็นคือไม่อยากคิดว่าตัวเองเป็นโรคหรือป่าว จะไปโรงพยาบาลปรึกหมอก็กล้าๆกลัวๆค่ะ ขอบคุณค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)