May 29, 2019 23:19
ตอบโดย
นิธิวัฒน์ ตั้งชมพู (นพ.)
สวัสดีครับ
กรณีทีเพศสัมพันธ์ช่วงมีประจำเดือน หากเป็นประจำเดือนที่ปกติ ตรงตามรอบ และมาปริมาณเท่ากับปกติ โอกาสการตั้งครรภ์น้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงปลอดภัย ไม่มีไข่ตกครับ
อนึ่ง หากคนไข้ทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหลังมีเพศสัมพันธิ เลือดดังกล่าว อาจเป็นผลข้างเคียงจากยาคุมกำเนิดได้ครับ แต่ไม่น่าเกิดจากยาคุมแบบแผงครับ เพราะหยุดทานมานาน 3 เดือนแล้ว
ผลข้างเคียงหลังจากรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ได้แก่อาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนหัว และหลังจากรับประทานในช่วงสัปดาห์แรก อาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยได้ แต่ไม่ใช่เลือดประจำเดือน แต่เป็นผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉินครับ ประจำเดือนของคนไข้ ควรมาตรวรอบตามปกติครับ หากพบว่าประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติเกิน 1-3 สัปดาห์ (หรือหลังมีเพศสัมพันธ์ 14 วัน) ให้ทดสอบการตั้งครรภ์ หรือพบแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์ช่วงมีประจำเดือนนั้น โอกาสในการตั้งครรภ์ไม่มากค่ะ แต่ยังมีโอกาสผิดพลาดได้บ้างไม่มากค่ะ แต่การมีเพศสัมพันธ์ช่วงมีประจำเดือนเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อภายในระบบสืบพันธ์สูง โดยอาจมีอาการตกขาวผิดปกติ มีไข้ ปวดท้องได้ค่ะ
-สอบถามเพิ่มเติม ว่าหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกันครั้งล่าสุดสรุปคือได้ทานยาคุมฉุกเฉินหรือไม่คะ?
กรณีของผู้ถาม จึงนึกถึงโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบค่ะ [Pelvic inflammatory disease (PID)] ซึ่งคือการอักเสบติดเชื้อของระบบสืบพันธ์ภายในเพศหญิงนั้น ส่วนใหญ่มักเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ค่ะ เนื่องจาก เชื้อส่วนใหญ่มักเป็นเชื้อจากหนองใน แล้วย้อนขึ้นมาข้างบน ทำให้บริเวณปากมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูก ท่อนำไข่ ได้รับเชื้อไปด้วยค่ะ
อาการได้แก่ มีปวดท้องน้อย ตกขาวมีสีและกลิ่นที่แปลกไปจากเดิม ปวดแสบอวัยวะเพศขณะมีเพศสัมพันธ์ และ เลือดออกกะปริดกะปรอยช่วงที่มีรอบเดือน
แนะนำไปตรวจเพิ่มเติมที่ รพ เนื่องจากการรักษาโรคนี้คือการฉีดยาฆ่าเชื้อ ซึ่งต้องสั่งโดยแพทย์ค่ะ
ทั้งนี้แนะนำตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะ ซึ่งจะตรวจได้เองหลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วัน จึงจะแปลผลน่าเชื่อถือค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถึงแม้ในทางทฤษฎีการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่มีประจำเดือนอยู่จะมีโอกาสทำให้ผิดพลาดตั้งครรภ์ได้น้อย แต่ว่าในทางปฏิบัตินั้นในบางรอบเดือนก็อาจมีการตกไข่ที่เร็วกว่ากำหนดเกิดขึ้นได้ ดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันไม่ว่าจะเป็นในช่วงเวลาใดของรอบเดือนก็ตามก็ต้องถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์เอาไว้ก่อนครับ
สัญญาณแรกที่จะเกิดขึ้นในกรณีที่มีการตั้งครรภ์นั้นคือการขาดประจำเดือน ดังนั้นถ้าหากถึงเวลาที่ประจำเดือนควรจะมาแล้วยังไม่มีประจำเดือนที่มาในลักษณะที่เป็นปกติ หมอก็แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ส่วนยาคุมที่รับประทานไปตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนก่อนนั้นจะไม่มีผลทำให้มีประจำเดือนมาผิดปกติในครั้งนี้แฃ้วครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ข้อมูลที่ว่า "เกือบ 2 อาทิตย์ยังไม่มาเลย" หมายถึง ผู้ถามยังไม่มีประจำเดือนมาตามที่คาดการณ์ไว้ใช่มั้ยคะ?
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 5 - 24% ค่ะ แต่โดยทั่วไปจะถือว่าความเสี่ยงค่อนไปทางสูง คือ 24% นะคะ
เมื่อเทียบกับการคุมกำเนิดด้วยวิธีมาตรฐานอย่างเช่นการใช้ถุงยางอนามัย ที่ถ้าใช้ถูกต้องและถุงยางไม่รั่วซึมหรือฉีกขาดจะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ก็จะเห็นได้ว่าการป้องกันด้วยวิธี "หน้า 7 - หลัง 7" ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ
การใช้และหยุดใช้ยาคุมฉุกเฉินและยาคุมรายเดือนไปนานหลายเดือนแล้ว ไม่ได้ส่งผลให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนแล้วค่ะ
แต่ถ้าผู้ถามมีประวัติประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่เรื่อย ๆ ในช่วงก่อนที่จะใช้ยาคุมรายเดือน และกลับมาเป็นซ้ำอีกหลังหยุดใช้ไปแล้ว ก็น่าจะเกิดจากสาเหตุเดิม ซึ่งควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากใช้วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพต่ำ เมื่อประจำเดือนไม่มาตามรอบปกติ ก็ควรจะตรวจการตั้งครรภ์ให้แน่ชัดค่ะ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน (ปัสสาวะแรกของวัน) ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
เวลาตื่นนอนชอบมีน้ำออกจากหูควรทำไงดีคะ?
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เวลาตื่นนอนชอบมีน้ำออกจากหูควรทำไงดีคะ?
ดิฉันอยากทราบว่า ดิฉันมีโอกาสตั้งครรภ์มากน้อยแค่ไหนคะ? เมื่อสองอาทิตย์ดิฉันมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน เพราะอยู่ในช่วงประจำเดือนจะมาพอดี หลังมีเพศสัมพันธ์ได้สักพักมีตกขาวแป้งเปียกสีคล้ำออกมา เกือบ2 อาทิตย์ยังไม่มาเลย เมื่อวานนี้ดิฉันมีอากาศเลือดออกและเป็นตกขาวสีน้ำตาล ทางช่องคลอดคล้ายประจำเดือน แต่กระปริบกระปอยมากค่ะ ตอนนี้หายแล้ว ตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดบีดที่ท้องน้อย ช่วงเดือนนี้เครียดบ่อยมากค่ะ เคยทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมาก่อน หลังจากนั้นก็กินยาคุมแบบแผงมาและ หยุดยาคุมแบบแผงไปเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว ไม่ทราบว่าเป็นเพราะผลค้างเคียงจากยาคุมด้วยหรือเปล่าคะ? ขอบคุณมากค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)