August 24, 2018 10:09
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
สวัสดีค่ะ การฉีดยาคุมกำเนิด หรือทางการแพทย์เรียกว่า DMPA นั้นเป็นการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูง ตัวยาเป็นฮอร์โมนเพศชนิดโปรเจสเตอร์โรนค่ะ โดยทั่วไปจะฉีดทุก 3 เดือน แต่ก็มีแบบเดือนละครั้ง
ผลข้างเคียงที่สำคัญ คือ ประจำเดือนผิดปกติ บางรายมาแบบกระปิบกระปอย บางรายไม่มีประจำเดือนมาเลยก็ได้ค่ะ ถึงแม้จะหยุดฉีดไปแล้ว ก็อาจจะมีปัญหาประจำเดือนผิดปกติได้ถึง 6 เดือนเลยทีเดียวค่ะ
ส่วนผลข้างเคียงอย่างอื่นที่พบได้ คือ สตรีบางท่านอาจน้ำหนักข้ึน ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวนในระหว่างการใช้ยาฉีด และยาฉีดติดต่อกนัเป็นระยะยาวนานอาจทำให้ความแน่นหนาของกระดูกเบาบางลงได้ค่ะ ถ้าหากผู้ป่วยมีความกังวล และต้องการให้ประจำเดือนมาปกติ แนะนำเปลี่ยนรูปแบบการคุมกำเนิดไปเป็นชนิดรับประทาน ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยก็ได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตแนะนำเพิ่มเติมนะคะ
(เนื้อหาค่อนข้างยาว หากต้องการอ่านแค่การสรุปผล สามารถเลื่อนไปอ่านเฉพาะในส่วนล่างสุดได้ค่ะ)
..
..
..
ยาคุมชนิดเดิมที่ผู้ถามเคยใช้ ซึ่งต้องฉีดทุก ๆ 3 เดือนนั้น เป็นยาฉีดชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว มีผลข้างเคียงเด่น เป็นการมีเลือดกะปริบกะปรอย, ประจำเดือนไม่ปกติ หรือไม่มีประจำเดือนได้ค่ะ
ส่วนยาคุมชนิดล่าสุดที่ผู้ถามใช้ ซึ่งต้องฉีดทุก ๆ 1 เดือนนั้น จะเป็นยาฉีดชนิดฮอร์โมนรวม เช่นเดียวกับยาเม็ดคุมกำเนิดสูตรปกตินั่นเองค่ะ ดังนั้น โดยทั่วไป ผู้ที่ใช้ยาฉีดคุมกำเนิดชนิดที่ฉีดทุก 1 เดือน จึงมีประจำเดือนมาตามรอบปกติทุก ๆ เดือนในช่วงสัปดาห์ที่ 4 ของการฉีดยา
การฉีดยาต่อตามนัด ไม่ต้องรอให้ประจำเดือนหมดนะคะ แต่ให้ฉีดต่อตามกำหนด ซึ่งยาคุมชนิดที่ฉีดทุกเดือน จะมีการนัดฉีดซ้ำทุก ๆ 4 สัปดาห์ หรือเลื่อนช้าออกไปได้อีกไม่เกิน 1 สัปดาห์ (รวมเป็น 5 สัปดาห์นับจากวันที่ฉีดยาเข็มล่าสุด) เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง
โดยปกติ หากไม่ได้ฉีดยาชนิดนี้ต่อตามนัดแล้ว มีโอกาสที่ไข่จะตกและพร้อมตั้งครรภ์ได้เร็วมากนะคะ ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้สูงเช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ได้คุมกำเนิดใด ๆ เลย ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันค่ะ
และเมื่อผู้ถามไม่ได้ไปฉีดยาต่อตามนัดนานแล้ว หากต้องการจะคุมกำเนิดด้วยยาฉีดอีก การฉีดยาเข็มใหม่ (ต้องถือเป็นการเริ่มต้นใช้ใหม่ ไม่ใช่การใช้ต่อเนื่อง) ต้องให้มั่นใจก่อนว่าผู้ใช้ไม่ได้กำลังตั้งครรภ์อยู่ โดยแนะนำให้ฉีดภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือนนั่นเองค่ะ (ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลก ปี ค.ศ.2016) โดยหากฉีดยาคุมเข็มแรกทันช่วงเวลาดังกล่าว ก็จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้เลยหลังฉีดยานะคะ
..
..
..
ในตอนนี้ ที่ผู้ถามไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันเป็นเวลานาน เป็นไปได้ว่าอาจเป็นเพราะ...
1. มีการตั้งครรภ์ไปแล้ว
ซึ่งการตรวจตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ควรใช้ให้ถูกวิธีตามที่ระบุไว้ในกล่อง (เพราะแต่ละยี่ห้อจะมีรายละเอียดการใช้แตกต่างกัน) และตรวจในเวลาที่เหมาะสม นั่นคือ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วัน
ดังนั้น หากผู้ถามตรวจได้เหมาะสมตามที่กล่าวไปข้างต้น ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่ตั้งครรภ์ค่ะ แต่ถ้าตรวจไม่ถูกวิธีหรือเวลาไม่เหมาะสม แนะนำให้ตรวจซ้ำใหม่เพื่อความชัดเจนนะคะ
2. ยังมีผลยับยั้งไข่ตกจากยาคุมชนิด 3 เดือนอยู่
เนื่องจากผู้ถามมีการใช้ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือนติดต่อกันมานาน และมีการเปลี่ยนเป็นยาคุมแบบที่ฉีดทุก 1 เดือนได้เพียงครั้งเดียว จึงเป็นไปได้ว่า ยังมีผลยับยั้งไข่ตกที่ตกค้างจากยาคุมชนิด 3 เดือนที่เคยใช้อยู่ได้ค่ะ
ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ อาจใช้เวลาเฉลี่ย 4 - 5 เดือนกว่าที่จะมีไข่ตกหลังหยุดใช้ยาคุมชนิดที่ฉีดทุก 3 เดือน (หรือบางคนก็เร็วกว่านั้นมาก หรือบางคนก็ช้ากว่านั้นมาก) ซึ่งหากมีไข่ตกแล้ว ไข่ไม่ได้ผสมกับอสุจิ หรือผสมแล้วแต่ฝังตัวที่เยื่อบุมดลูกไม่สำเร็จ จึงจะมีประจำเดือนมาตามปกติค่ะ (ประจำเดือนในช่วงที่ใช้ยาคุมแบบฉีดทุก 1 เดือน เป็นผลจากฮอร์โมนในตัวยา แต่ไม่ได้มีไข่ตกนะคะ)
3. เกิดจากความผิดปกติอื่น ๆ
ซึ่งในกรณีที่ไม่มีประจำเดือนมาติดต่อกันตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไป โดยที่ไม่มีการตั้งครรภ์ หรือไม่ใช่ผลข้างเคียงจากยาคุม ก็ควรไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริง
แต่ในกรณีของผู้ถาม ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์จริง ๆ การที่ยังไม่มีประจำเดือนมา น่าจะเป็นไปตามเหตุผลที่กล่าวไปในข้อ 2 นั่นก็คือ เป็นผลตกค้างจากยาคุมชนิด 3 เดือนที่เคยใช้ติดต่อกันมานานนั่นเองค่ะ
..
..
..
สรุปแล้ว มีคำแนะนำดังนี้นะคะ
ให้ทบทวนว่าการตรวจตั้งครรภ์ที่เคยทดสอบ ได้ตรวจถูกต้องตามวิธีที่แนะนำในกล่องหรือไม่ และตรวจในเวลาที่เหมาะสม คือ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดหรือไม่
ถ้าตรวจถูกวิธี และตรวจในเวลาที่เหมาะสม แล้วได้ผลตรวจเป็น 1 ขีด ก็เชื่อมั่นได้มากกว่า 99% ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ค่ะ และหากนับจากวันที่ตรวจนั้นมาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกเลย ก็สามารถไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อเริ่มฉีดยาคุมกำเนิดได้นะคะ แต่ควรงดมีเพศสัมพันธ์ หรือใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ไปอีก 7 วันหลังฉีดยาคุมแล้วค่ะ
หรือจะรอให้มีประจำเดือนมาก่อนจึงไปฉีดยาคุมก็ได้ แต่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าประจำเดือนจะมาเมื่อไหร่ค่ะ (แต่ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ ก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งไปจนกว่าจะมีประจำเดือนมานะคะ)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือฉีดยาคุมกำเนิดมา5ปีตลอด5ปีประจำเดือนไม่มาเลยและก็มาเปลี่ยนมาฉีดแบบเดือนต่อเดือนประจำเดือนมาครั้งเดียวและมาตรงกับวันที่หมอนัดฉีดแต่ไม่ได้ไปตามนัดเพราะประเดือนยังไม่หมดพอประจำเดือนหมดก็กับไปฉีดหมอไม่ฉีดให้หมอบอกต้องรอให้ประจำเดือนมาอีกเดือนแล้วให้กับไปฉีดใหม่แต่ตอนนี้เข้าเดือนที่3-4แล้วประจำเดือนก็ยังไม่มาแต่ตรวจแล้วไม่ท้อง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)