เป็นแผลคล้ายๆพุงพอง ช่วงลานนมค่ะ ไม่ทราบสาเหตุ พอทายาแผลเริ่มแห้งและดีขึ้น *ก่อนหน้าที่เป็นแผล 2-3วัน เป็นไข้หวัดทั่วไปค่ะ เลยเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ (ไม่ค่อยได้ทำความสะอาดส่วนหน้าอกเท่าไหร่ค่ะ) เลยไม่ได้สังเกตุว่าก่อนเป็นแผล เป็นตุ่มอะไรหรือเปล่าค่ะ *วันแรกที่เป็นเสื้อชั้นในไปโดนค่ะ เลือดออกนิดๆ เลยทราบว่าเป็นแผล *ปีที่แล้ว ไปตรวจสุขภาพ หมอเคยทักเรื่องเบาหวานค่ะ เพราะปู่เป็น *ไม่เคยเป็นอีสุกอีใส พ่อแม่พี่น้องคนในครอบครัวไม่เป็นมะเร็งค่ะ **หนูอายุ23ค่ะ ยังไม่ได้แต่งงานค่ะ ร่างกายปกติทุกอย่าง ไม่มีก้อนอะไรที่หน้าอกเลยค่ะ (กลัวเรื่องมะเร็ง กับความไม่สะอาดช่วงที่เป็นไข้ค่ะ)**

สวัสดีครับ การเจ็บ เต้านม สามารถเป็นไปได้หลายอย่างครับ คือ

1.การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนในขณะรอบเดือน ในช่วงใกล้เป็นประจำเดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย จะส่งผลให้เต้านมเกิดการคัดตึง เจ็บ บวม หรือแข็งเป็นก้อน โดยอาการจะลดลงเมื่อหมดประจำเดือน
2.ภาวะเต้านมอักเสบ (Mastitis) เกิดจากการติดเชื้อของท่อน้ำนม ทำให้เนื้อเยื่อเต้านมอักเสบ บวม แดง เจ็บเต้านมอย่างรุนแรง ผิวบริเวณเต้านมแตก มีอาการคัน หรือเป็นแผลที่หัวนม ได้ครับ
3.ฝีที่เต้านม (Breast Abscess) เกิดจากการติดเชื้อที่เต้านมจนมีอาการบวม แดง และลุกลามกลายเป็นแผลมีหนอง มีอาการปวดและเจ็บเต้านม ซึ่งส่วนใหญ่มักมีสาเหตุมาจากภาวะเต้านมอักเสบ

สาเหตุของการเจ็บเต้านม หลักๆ มีประมาณครับ แนะนำว่าควรไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลครับ

สำหรับถ้ามีแผลแล้วมีก้อนที่เต้านมด้วย ก้อนที่เต้านมสามารถเป็นได้หลายอย่างครับ คือ 
1.มะเร็งเต้านม จะมีอาการมีก้อน ก้อนโตขึ้น เต้านมผิดรูปไป มีแผลที่เต้านม มีน้ำนมหรือเลือดไหล ได้ครับ 
2.ก้อนที่จะมีตามประจำเดือน จะเรียกว่า fibrocystic change ครับ คือ จะมีก้อนในเต้านม แต่จะเป็นก้อนที่สัมพันธ์กับการมีประจำเดือน คือก้แนจะ โตๆ ยุบๆ ครับ ไม่เป็นอันตราย 
3. ก้อนไขมัน หรือ lipoma ก็ไม่อันตราย 
4.ต่อมน้ำเหลืองโตครับ คือ เกิดจากการที่เต้านมเกิดการติดเชื้อ ซึ่งจะปวดเต้านมได้ครับ 
5.เต้านมเกิน คือ มีเต้านมเล็กๆ เกิดมา ไม่มีความอันตรายแต่จะไม่สวยงามครับ 
เพราะฉะนั้นบอกได้ยากครับว่าเป็นอะไรแน่ชัดต้องอาศัยการตรวจเพิ่มเติมครับ

สวัสดีครับ
ถ้าหากแผลดังกล่าวเพิ่งเป็นมาเพียงไม่กี่วันและมีความสัมพันธ์กับการถูกเสื้อในเกี่ยวชัดเจนโอกาสที่จะเป็นมะเร็งก็มีได้น้อยครับ

ในเบื้องต้นนั้นหมอแนะนำให้พยายามดูแลรักษาความสะอาดบาดแผล ป้องกันไม่ให้มีความอับชื้น และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไปก่อน และแผลก็ควรจะดีขึ้นได้ภายใน 1 สัปดาห์ครับ

แต่ถ้าหากผ่านไป 1 สัปดาห์แล้วแผลยังไม่หาย หรือในระหว่างนี้แผลมีแนวโน้มที่จะลุกลามมากขึ้นเรื่อยๆ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ