มีเพศสัมพันธ์ช่วงเดือนวันที่18 พย ตอนมีเพศสัมพันธ์มีการป้องกันใส่ถุงยางและไม่ได้สอดใส่โดยตรงอีกทั้งยังนำมาเสร็จห่างจากอวัยะเพศฝ่ายหญิง ก่อนสวมใส่มีการช่วยตัวเองและล้างมือด้วยน้ำสบู่ก่อนช่วยฝ่ายหญิงหลังจากนั้นสองวันฝ่ายหญิงก็มีปจดมีสีคาอนข้างแดงและปริมาณเยอะเป็นประมาณ3-4วัน แต่ ณ ตอนนี้ประจำเดือนฝ่ายหญิง ยังไม่มี อีกทั้งฝ่ายหญิงปัสสาวะบ่อยเพราะดื่มน้ำเยอะ ฝ่ายหญิงเป็นคนกินจุกินหมูกระทะติดๆกันในช่วงสามวันที่ผ่านมามีรูปร่างอวบไปทางอ้วน เป็นแบบนี้ฝ่ายหญิงมีโอกาสท้องไหมครับ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องและไม่มีการแตกรั่วของถุงยางอนามัย โอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์กผ้มีเพียงแค่ 2% เท่านั้นครับ

และถ้าหากไม่ได้มีการสอดใส่เข้าไปในข่องคลอดเลยก็ไม่สามารถทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากระยะห่างจากช่องคลอดถึงมดลูกซึ่งอสุจิจะไปปฏิสนธิกับไข่ได้นั้นอยู่ห่างกันเกินกว่าที่อสุจิจะเข้าไปได้เองโดยไม่มีอะไรพาเข้าไปครับ

อย่างไรก็ตามถ้าหากไม่มั่นใจว่ามีการตั้วครรภ์หรือไม่หมอก็แนะนำให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

อสุจิที่ออกมาสัมผัสสิ่งแวดล้อมภายนอกแล้วจะเสื่อมสภาพไปในเวลาไม่นานครับ โดยเฉพาะถ้าหากบ้างด้วยสบู่ไปแล้วก็เป็นไปได้ยากมาที่อสุจิจะเหลือรอดอยู่

นอกจากนี้ถ้าหากหลังมีเพศสัมพันธ์ได้มีประจำเดือนมาแล้วและมั่นใจว่าเบือดังกล่าวเป็นประจำเดือนจริงก็ยิ่งบ่งบอกว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

แต่การที่แฟนมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอจึงบอกได้ยากครับว่าประจำเดือนควรจะมาเมื่อไหร่ ดังนั้นถ้าหากไม่แน่ใจจริงๆก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูตามวิธีที่หมอแนะนำไปก่อนได้ครับ ถ้าหากตรวจไม่พบการตั้งครรภ์ก็จะได้สบายใจ

ถ้าหากมั่นใจว่าเป็นลักษณะที่เหมือนกับประจำเดือนปกติในรอบเดือนที่ผ่านๆมาก็ไม่ควรมีการตั้งครรภ์ครับ เพราะถ้ามีการตั้งครรภ์เยื่อบุโพรงมดลูกจะต้องเจริญหนาตัวขึ้นเรื่อยๆและไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน ทำให้ต้องมีการขาดประจำเดือนไปครับ

สาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอนั้นมีได้หลายสาเหตุครับ เช่น
- มีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอ
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด

ถ้าหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอติดต่อกันหลายเดือนหมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมต่อไปครับ

สาเหตุของอาการปัสสาวะบ่อยนั้นก็เกิดได้จากหลายสาเหตุเช่นกันครับ เช่น
- มีการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
- การดื่มน้ำในปริมาณมาก
- กระเพาะปัสสาวะทำงานไว้เกิน
- ความผิดปกติของระบบประสาทที่ควบคุมการปัสสาวะ
- โรคเบาหวาน
- โรคเบาจืด
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด

ถ้าหากต้องการทราบสาเหตุที่แน่ชัดก็ควรได้รับการตรวจประเมินอาการจากแพทย์เพิ่มเติมครับ