May 29, 2019 07:04
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
หมอขอตอบไล่ไปทีละคำถามนะรรับ
1. โรคเริมจะติดต่อได้เมื่อมีการสัมผัสตำแหน่งที่มีตุ่มน้ำขึ้นอยู่เท่านั้น การจูบปากกับคนที่เป็นเริมที่อวัยวะเพศจึงไม่ทำให้ติดเชื้อเริมครับ
2. โอกาสที่จะติดโรคเริมจะมีมากที่สุดในขณะที่ยังมีตุ่มน้ำใสขึ้นอยู่ แต่เมื่อตุ่มน้ำใสหายไปแล่วโอกาสติดเชื้อเริมก็จะลดลงไปเหลือน้อยมาก เพียงแต่อาจไม่ได้ปลอดภัย 100% เท่านั้น
3. ในกรณีที่ต้องการความมั่นใจ การใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ก็จะช่วยลดโอกาสติดเชื้อเริมได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
1. ไม่ติดเชื้อค่ะ หรือตามทฤษฐีคือโอกาสติดเชื้อน้อยมากๆค่ะ
2.ถ้าโรคสงบลงแล้วสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ค่ะ
3.ถุงยางอนามัยสามารถป้องกันโรคเริมและโรคติดต่อทางเพศอื่นๆได้ค่ะ อย่างไรก็ตามควรใช้ถุงยางอนามัยให้ถูกต้อง โดยวิธีใช้มีดังต่อไปนี้ค่ะ เช็ควันหมดอายุของถุงยางอนามัยและใส่ให้ถูกด้านเวลาใช้ ต้องใส่ขนาดที่พอดีค่ะ ถ้ารัดไปถุงยางจะขาดได้ ส่วนถ้าหลวมไปจะเคลื่อนหลุดได้ ลองหาหลายๆยี่ห้อและทดสอบกับตัวเองก่อนใช้งานจริงว่าขาดหรือเลื่อนหลุดไหม ถ้าไม่ก็แสดงว่าใช้ได้ค่ะ ไล่ลมออกโดยการใช้นิ้วบีบปลายถุงยางอนามัยขณะสวมใส่อวัยวะเพศที่แข็งตัวเต็มที่ค่ะ วิธีทดสอบว่ารั่วหรือไม่ก่อนใช้งานคือ หลังสวมถุงยางไปแล้วให้กดกระเปราะตรงปลายถ้ากระเปาะคืนสภาพแสดงว่าไม่รั่วค่ะ แต่ถ้าไม่คืนสภาพ กดแล้วยุบตัวแสดงว่ามีรูรั่วค่ะ และหลังใช้เสร็จอาจทดสอบถุงยางอีกรอบว่ารั่วหรือไม่โดยการบีบส่วนปลายอีกรอบค่ะ รูดให้ชิดโคนมากที่สุดค่ะเพื่อป้องกันไม่ให้ถุงยางอนามัยเลื่อนหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และควรใช้สารหล่อลื่นสำหรับการมีเพศสัมพันธ์สัมพันธ์เท่านั้น เช่น KY jelly หรือสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมเป็นน้ำหรือซิลิโคนเท่านั้น สารอื่นเช่น วาสลีน เบบี้ออลย์ น้ำมันมะพร้าว โลชั่นทาผิวทั่ว หรือสารหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันห้ามใช้เพราะจะทำให้ถุงยางขาดง่ายค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แล้วกรณีที่...เราสัมผัสอวัยวะเพศฝ่ายชายในขณะที่โรคเริมสงบแล้วก็ไม่ทำให้ติดเชื้อใช่ไหมคะ? แล้วหลังสัมผัสจำเป็นต้องห้ามมาสัมผัสปาก ตาของเราใช่ไหมคะ? คือหนูอยากหาวิธีป้องกันให้ได้มากที่สุดเพราะโรคนี้เป็นแล้วจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
ปกติแล้วถ้าโรคสงบอยู่คือไม่เห็นแผลหรือรอยโรคก็จะไม่ติดค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
เมื่อเป็นโรคเริมครั้งหนึ่งแล้วโรคก็จะอยู่กับร่างกายไปตลอดครับ และโรคก็จะติดต่อได้มากที่สุดในช่วงที่มีตุ่มน้ำใสขึ้นมาและช่วงที่มีอาการแสบก่อนตุ่มน้ำใสขึ้น ส่วนในช่วงที่โรคสงบแล้วโอกาสที่จะติดโรคได้ก็มีต่ำมากแต่ไม่ได้ถึงขนาดที่จะปลอดภัย 100% ครับ
ดังนั้นถ้าหากต้องการให้มั่นใจได้มากที่สุดว่าจะไม่มีการติดเชื้อก็ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
1. จูบปากกับคนที่เคยเป็นเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งตอนที่จูบปากกันเริมที่อวัยวะเพศฝ่ายชายหายแล้ว(เค้าไม่เคยเป็นที่ปาก) เราจะติดเชื้อไหมคะ? 2. ถ้าเริมที่อวัยวะเพศของฝ่ายชายสงบลงแล้ว ไม่มีตุ่ม ไม่มีสะเก็ด สามารถมีเพศสัมพันธุ์ได้ไหมคะ? ไม่มีการ oral sex 3. ใส่ถุงยางป้องกันยังมีโอกาสติดเชื้อเริมจากฝ่ายชายได้อยู่ไหมคะ?
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)