ประจำเดือนมาปีละครั้งค่ะไม่ก้ไม่มาเลย มีโอกาสท้องมากน้อยกี่เปอร์เซนต์คะ ปล.เวลามีอะไรกับแฟนก้ใส่ถุงยางตลอดแต่กลัวพลาดค่ะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ถุงยางอนามัยนั้น ถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องโดยไม่มีการแตกรั่วของถุงยางอนามัยจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 2% ครับ ส่วนการที่ไม่มีประจำเดือนมานั้นไม่สามารถบอกได้ว่าจะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้มากน้อยแค่ไหนเพราะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนไม่มาครับ

โดยปกติแล้วผู้หญิงทุกคนควรจะมีประจำเดือนมาอย่างสม่ำเสมอทุก 21-35 วันครับ การที่มีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอหรือขาดหายไปนานกว่าจะมา 1 ครั้ง หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุและให้การรักษาครับ โดยอาการนี้อาจมีสาเหตุได้จากหลายสาเหตุ เช่น
- ความผิดปกติของฮอร์โมนในเลือด
- ความผิดปกติของรังไข่หรือมดลูก
- การทำงานของต่อมไทรอยด์ที่ผิดปกติ
- ความผิดปกติทางพันธุกรรมบางอย่าง
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
เป็นต้น

ถ้าหากมั่นใจว่าใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องและไม่มีการแตกรั่วของถุงยางอนามัยแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ เนื่องจากในกรณีนี้มีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 2% เท่านั้น ในขณะที่การรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้มากถึง 15-25% ซึ่งจะเห็นได้ว่ายาคุมฉุกเฉินจะไม่ได้ช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ และยังจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงโดยไม่จำเป็นด้วยครับ

การรับประทานยาคุมฉุกเฉินนั้นแนะนำให้ใช้เฉพาะในกรณีที่มีความผิดพลาดจากการคุมกำเนิด เช่น ถุงยางอนามัยมีการแตกรั่วเท่านั้น

ถ้าหากมีอาการปวดท้องน้อยร่วมกับมีอาการแสบเวลาปัสสาวะนั้น อาจเกิดจากการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะได้ครับ

หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะดูก่อนว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ เพราะถ้ามีการติดเชื้อจริงก็ควรได้รับการรักษาโดยการรับประทานยาฆ่าเชื้อครับ

ในระหว่างนี้หมอแนะนำให้ดื่มน้ำให้มากๆและไม่กลั้นปัสสาวะเพื่อป้องกันการติดเชื้อลุกลามมากขึ้นในกรณีที่มีการติดเชื้อจริงครับ

ถ้าหากตรวจการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ โอกาสที่ผลตรวจจะผิดพลาดมีเพียงแค่ 1-3% เท่านั้นครับ

หมอไม่แนะนำให้รับประทานยาฆ่าเชื้อก่อนไปตรวจปัสสาวะครับ เพราะจะทำให้ผลตรวจปัสสาวะออกมาไม่ความผิดพลาดได้

ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการเจ็บในช่องคลอดครับ เช่น ถ้าหากสาเหตุเกิดจากการบาดเจ็บเล็กๆน้อยๆภายในช่องคลอดอาการก็จะสามารถหายไปได้เอง แต่ถ้าหากสาเหตุเกิดจากการอักเสบติดเชื้อก็ต้องได้รับการรักษาอาการถึงจะหายครับ

การติดเชื้อภายในช่องคลอดและอุ้งเชิงกรานนั้นอาจเกิดได้จากการมีเพศสัมพันธ์ การมีบาดเจ็บภายในช่องคลอดแล้วมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรือการดูแลรักษาความสะอาดที่ไม่ดีพอก็ได้ครับ

ในกรณีที่มีอาการปวดท้องต่อเนื่องกันอยู่เรื่อยๆ หมอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและประเมินอาการเพิ่มเติมก่อนครับ เมื่อทราบสาเหตุที่แน่ชัดแล้วจึงจะบอกได้ว่ามีความอันตรายหรือไม่ครับ

การตรวจการตั้งครรภ์โดยใช้ชุดตรวจปัสสาวะสามารถเริ่มตรวจได้เมื่อห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจครับ ถ้าหากตรวจตามนี้ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97–99%

ถ้าหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จำนวนวันที่ตกไข่ก็มักจะน้อยกว่าคนทั่วไป ทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ยากขึ้นครับ แต่ในทางตรงกันข้ามการที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้บอกได้ยากว่าการมีเพศสัมพันธ์ในวันใดจะตรงกับวันตกไข่และทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ เพื่อความปลอดภัยจึงควรมีการคุมกำเนิดทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ครับ

โดยปกติแล้วหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินประจำเดือนจะยังมาใกล้เคียงกับกำหนดประจำเดือนเดิมครับ แต่เนื่องจากคุณเป็นคนที่มีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่แล้วจึงประเมินได้ยากครับว่าประจำเดือนควรจะมาเมื่อไหร่ ในกรณีที่ต้องการความมั่นใจว่าจะไม่ตั้งครรภ์ หมอก็แนะนำให้ลองตรการตั้งครรภ์ยืนยันดูจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดครับ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

คุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียงทำให้มีอาการปวดท้องได้ แต่มักไม่ทำให้มีอาการตัวบวมครับ