October 07, 2019 11:36
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถ้าหากเป็นคนมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอก็จะทำให้คาดการณ์ได้ว่าวันตกไข่คือวันใดครับ นั่นหมายความว่าจะต้องคิดเอาไว้ก่อนว่าการมีเพศสัมพันธ์ทุกครั้งมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้เสมอครับ โอกาสตั้งครรภ์ในกรณีนี้จึงจะขึ้นอยู่กับว่าได้มีการป้องกันการตั้งครรภ์โดยวิธีใดหรือไม่ ถ้าหากไม่ได้มีการป้องกันเลยก็จะถือว่ามีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้สูงครับ
ในกรณีที่ไม่มีการป้องกันหมอก็แนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสตั้วครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ส่วนหลังจากนี้ก็อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ทานยาคุมกำเนิดยี่ห้อยาส ควบคู่ไปด้วยค่ะกินมา แผงที่ 3 แล้ว แต่กินไม่ตรงเวลา
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
เนื่องจากวันที่ไข่ตกจริงอาจคลาดเคลื่อนไปจากวันที่คาดการณ์ไว้ได้ ดังนั้น ถ้าผู้ถามมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันใด ๆ เลย ก็ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ค่ะ
ดังนั้น หากผู้ถามพร้อมจะมีบุตรแล้ว ก็ยังถือว่ามีหวังที่จะลุ้นได้นะคะ
..
..
แต่ถ้าผู้ถามยังไม่พร้อมจะมีบุตร ถ้าไม่ได้ป้องกันใด ๆ เลย ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลง
หากใช้ครบขนาดและทันเวลา อาจช่วยลดความเสี่ยงลงมาเป็น 15 - 25% แทนได้ค่ะ
หรือหากรับความเสี่ยงไม่ได้เลย แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อปรึกษาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ เพราะผู้ใช้จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมกำเนิดต่อได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้
และในกรณีที่ผู้ถามเลือกใช้ยาคุมฉุกเฉิน ครั้งต่อไปที่จะมีเพศสัมพันธ์ ควรใช้ถุงยางอนามัยป้องกันทุกครั้งนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากมีการรับประทานยาคุม yaz ควบคู่อยู่ด้วยโอกาสตั้งครรภ์ก็จะมีเพียง 0.3-8% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาครับ ถ้าหากในกรณีนี้ไม่เคยลืมรับประทานยานานเกิน 24 ชั่วโมงอยู่บ่อยๆโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ก็ยังมีได้น้อยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมที่ผู้ถามใช้มีกลไกหลักในการยับยั้งไข่ตกค่ะ ดังนั้น จึงไม่ควรจะมีไข่ตกตามที่ผู้ถามกังวลนะคะ และเมื่อไม่มีไข่ตก ก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ เพราะอสุจิไม่สามารถจะผสมกับไข่ได้ จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ
ซึ่งหากผู้ถามต้องการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ รวมถึงลดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอย ต่อไปก็ควรจะรับประทานยาคุมให้ตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ.
เป็นคนประจำเดือนมาตรงค่ะ มี พสพ หลังไข่ตกไปแล้ว 4-5 วันมีโอกาสท้องไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)