ถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้วหลั่งในและกินยาคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน1เม็ด ภายใน8 ชม จะมีโอกาสท้องไหมครับ

มีโอกาสครับ เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินมีประมาณ80% จึงยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ ฉะนั้น ควรตรวจการตั้วครรภ์ทางปัสสาวะหลังมีความเสี่ยงมากกว่า14วันครับ

สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายในเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์จะทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ประมาณ 15% ครับ

หลังจากนี้อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันให้แน่ใจได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติค่ะ แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ ต่อไปจึงไม่ควรนำมาใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติ เพราะมีโอกาสที่จะป้องกันไม่สำเร็จและตั้งครรภ์ได้มากกว่าที่ควรจะเป็น

อย่างไรก็ตาม ถ้ายาคุมฉุกเฉินที่แฟนของผู้ถามใช้ใช้เป็นยี่ห้อที่มีแผงละ 1 เม็ด เมื่อรับประทานไป 1 เม็ดก็ถือว่าใช้ครบขนาดแล้ว การใช้เร็วและครบขนาดอาจช่วยลดความเสี่ยงที่มีให้เหลือเป็น 15% แทนได้ค่ะ

แต่ถ้ายาคุมฉุกเฉินที่ใช้เป็นยี่ห้อที่มีแผงละ 2 เม็ด เมื่อรับประทานไปเพียงแค่เม็ดเดียว ถือว่ายังใช้ไม่ครบขนาดนะคะ อย่าลืมรับประทานต่ออีกเม็ดให้ตรงเวลาเพื่อให้มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งหากใช้ครบขนาดแล้วก็อาจช่วยลดความเสี่ยงให้เหลือเป็น 15% ได้ (แต่ถ้าใช้ไม่ครบขนาด ก็จะไม่มีผลป้องกันฉุกเฉินตามที่ต้องการค่ะ)

"แล้วถ้าน้ำหล่อลื่นเข้าไปล่ะครับ แต่ยังไม่หลั่งน้ำอสุจิจะท้องไหมครับ"

ตามข้อมูลในหัวข้อกระทู้ ผู้ถามให้ข้อมูลว่ามีเพศสัมพันธ์แบบ "หลั่งใน" นะคะ ซึ่งหากไม่ได้ป้องกันใด ๆ เลย ถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 85% ค่ะ

แต่ถ้าเป็นการสอดใส่โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย แต่ไม่ได้มีการหลั่งในช่องคลอด จะถือว่าเป็นการ "หลั่งนอก" ซึ่งโดยทั่วไปถือว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 22% นะคะ ซึ่งหากเทียบกับการหลั่งในก็จะดูว่าการหลั่งนอกมีความเสี่ยงน้อยกว่า

แต่ถ้าเทียบกับการใช้ถุงยางที่ถูกวิธี และไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด ที่จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ก็จะเห็นได้ว่าการหลั่งนอกมีความเสี่ยงสูงกว่าการใช้ถุงยางอนามัย ต่อไปจึงควรใช้ถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์นะคะ

ส่วนในกรณีที่มีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว ไม่ว่าจะหลั่งใน หรือจะเป็นการหลั่งนอก เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็อาจช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าวลงได้บ้างถ้าใช้ครบขนาดและทันเวลา ตามที่กล่าวไปในความเห็นก่อนนี้ค่ะ