เป็นโรคเบลพาซี่ เมื่อวันที่ 19 ก.ค.61 เวลา 07.00 น. เป็นบริเวณใบหน้าด้านขวา เมื่อทราบถึงอาการได้ไปทำการรักษาฝั่งเข็ม และหาหมอทั่วไปจาก โรงพยาบาลราชวิถี เบื้องต้น ได้ยามาทาน 2 อย่าง คือ (Prednisolone (5mg) 4x3 เวลา 5 วัน 1 x2 ทาน 5 วัน) และ (Acyclovir (200) 2x5 10 วัน) ตอนนี้เข้า 15 วันแล้ว และยาหมดแล้วครับ แต่ยังมีอาการปวดที่ หลังกกหู ด้านขาว (ด้านที่เป็นเบล) อยู่ บางวัน บางวันก็ปวดน้อย บางวันก็ปวดมาก ควรทำเช่นไรต่อดีครับ แต่คิดว่าจะไปหาสถานบันประสาท แต่เสาร์-อาทิตย์ปิดอีก ควรทำเช่นไรดีครับ ขอชี้แจงเพิ่มเติมครับ ตั้งแต่วันที่เป็น 19 ก.ค.61 ถึงปัจจุบัน ได้ทำกายภาพมาโดยตลอด คือ 1.ฝั่งเข็ม 2.นวดรักษาโรคเบล และ 3. ไปรักษาโดยกระตุ้นไฟฟ้า ที่ศูนย์สิรินทร กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี ครับ

สวัสดีค่ะ อาการ Bell palsy เป็นความผิดปกติของเส้นประสาทเส้นที่ 7 ค่ะ อาการคือ อาจมีอาการปากตก ตาตก กลืนน้ำลายลำบาก อาจมีอาการเจ็บปวดในข้างที่เป็นได้ การรักษา คือ การให้ยาสเตียรอยด์ ซึ่งคนไข้ได้อยู่แล้วค่ะ และการรักษาอื่นๆ เช่น การกระตุ้นไฟฟ้า หรือแพทย์บางท่าน อาจให้ยาฆ่าเชื้อไวรัส เช่น acuclovir หรือ valcyclovir
หากมีอาการปวด สามารถใช้ยาแก้ปวดได้ เช่นยากลุ่ม NSAids เช่น ไอบูโพรเฟน นาพร้อกเซน เป็นต้นคะ

อาการ bell’palsy ส่วนใหญ่ เป็นความผิดปกติที่เส้นประสาทค่ะ เชื่อว่ามาจากหบายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อไวรัส เบาหวาน การแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง การบาดเจ็บของเส้นประสาท เป็นต้น ซึ่ง ความผิดปกติของเส้นประสาทมักจะใจร้อนไม่ได้ เนื่องจากธรรมชาติของเส้นประสาท จะฟื้นตัวเองอย่างช้าๆค่ะ ซึ่งอาการจะ’เริ่ม‘ดีขึ้น เมื่อสัปดาห์ที่ 2 ไปแล้ว บางคน อาจใช้เวลาได้นานถึง 3-6 เดือนค่ะ
สิ่งที่แนะนำให้คนไข้ทำ เพื่อให้อาการดีขึ้น คือ
1.การทานยาตามที่คุณหมอแนะนำ
2.ทานวิตามิน b1,6,12 เสริม
3.การฝังเข็มอาจช่วยได้ค่ะ และลดอาการปวดเมื่อมีอาการ
3.ผ่อนคลาย
4.หากตาแห้ง หรือปิดไม่สนิท แนะนำให้ใช้น้ำตาเทียม เพื่อป้องกันตาแห้งและกระจกตาเป็นแผลค่ะ
หากทีอาการอื่นๆ เช่น เป็นมากขึ้น แทนที่จะกีขึ้น หรือ ปวดมาก มีแขนขาอ่อนแรง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ค่ะ

**โดยถ้าอาการไม่ได้แย่ลง สามารถรอจนถึงวันเปิดทำการได้ค่ะ

**การรักษา Bell’s palsy โดยทั่วๆไป คนไข้สามารถไปพบอายุรแพทย์ หรือ อายุรแพทย์โรคประสาทได้ค่ะ

สวัสดีค่ะ Bell's palsy ที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสงูสวัด(Herpes zoster) เมื่อทานยารักษาครบแล้ว อาจทำให้ยังหลงเหลืออาการปวดตามเส้นประสาทที่มีการติดเชื้ออยู่ได้ค่ะ เรียกว่า Postherpetic neuralgia ซึ่งอาการนี้จะแล้วแต่บุคคล และความรุนแรงของโรค. อาการปวดเส้นประสาทอาจจะเป็นๆหายๆได้ ไม่สามารถระบุเวลาได้ อาจจะหายไปได้เองค่ะ เนื่องจากงูสวัดเป็นเชื้อไวรัส เชื้อจะฝังอยู่ตามเส้นประสาท หากร่างกายอ่อนแอลง เช่นพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ทำให้อาการปวดกำเริบขึ้นมาได้

สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยยากลุ่มรักษาอาการปลายประสาทอักเสบ วิตามินบีเสริม ยาลดปวดตามอาการค่ะ แต่แนะนำว่าควรรับยาและติดตามการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ถ้าปวดมาก อาจใช้ยาลดอักเสบกลุ่ม NSAIDs. มารับประทานได้ก่อน เช่นยา ไอบูโพรเฟน นาพรอกเซน ไดฟีลีน เป็นต้นค่ะ . สามารถไปพบแพทย์อายุรกรรมเฉพาะทางระบบประสาทได้ค่ะเพื่อปรึกษาภาวะนี้ เพราะหากมีอาการปวดตามเส้นประสาท ควรได้รับยาต่อเนื่องด้วย

การรักษาด้วยการฝังเข็ม และกายภาพ ควรทำควบคู่กันไป เพื่อเป็นการรักษาและฟื้นฟูเส้นประสาท แนะนำว่าควร ฝังเข็ม 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าเป็นไปได้ หรืออย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 10ครั้ง และติดตามอาการ จนกว่าอาการจะดีขึ้น ปากเบี้ยวน้อยลง กลืนอาหารได้ปกติ สามารถหลับตาได้สนิทค่ะ