กินยาคุมฉุกเฉินแบบ 21 เม็ดเพื่อรักษาสิวกินแบบไม่ได้นับวัน แล้วมีอะไรกับแฟนแล้วหลั่งใน ต้องกินยาคุมฉุกเฉินเพิ่มไหมคะ

สวัสดีครับ
ถ้าหากได้รับประทานยาคุมครั้งแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนหรือรับประทานยาคุมต่อเนื่องมาเกิน 7 วันแล้ว ยาคุมก็จะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่แล้วซึ่งก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% เท่านั้นทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินอีกครับ

แต่ถ้าหากไม่ได้อยู่ในกรณีข้างต้น หมอก็แนะนำให้หายาคุมฉุกเฉินมารับประทานให้เร็วที่สุดก่อน โดยให้รับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวบาที่ผ่านไปครับ

ยาคุมแบบ 21 เม็ดเป็น "ยาคุมรายเดือน" ไม่ใช่ "ยาคุมฉุกเฉิน" นะคะ

ถ้าใช้ไม่ถูกต้อง เช่น เริ่มรับประทานแผงแรก และรับประทานไม่ทัน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ก็จะต้องรับประทานต่อเนื่องกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ

แต่เมื่อมีผลคุมกำเนิดจากยาคุมแผงนี้แล้ว ถ้าลืมรับประทานติดต่อกันตั้งแต่ 2 - 3 วันขึ้นไป (จำนวนวันที่แน่นอน ขึ้นกับปริมาณฮอร์โมนในยาคุมยี่ห้อที่ใช้) ก็จะไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง จนกว่าจะกลับมารับประทานต่อเนื่องกันครบ 7 วันอีกครั้ง

ถ้าวันที่ผู้ถามมีเพศสัมพันธ์ไม่มีผลป้องกันจากยาคุมที่ใช้ และไม่ได้ป้องกันใด ๆ เลย ก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงตามปกติ จึงต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินทันที หรือเร็วที่สุดที่ทำได้ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าวให้น้อยลงค่ะ

ซึ่งหากไม่มีผลป้องกันใด ๆ นอกจากยาคุมฉุกเฉิน ผู้ใช้ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ

และหากไม่มั่นใจว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยเฉพาะถ้ารับประทานยาคุมรายเดือนไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ชัดเจน โดยการใช้ชุดทดสอบทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ

ถ้าหากรับประทานยาคุมติดต่อกันมาเกิน 7 วันก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ เพราะในกรณีนี้ยาคุมจะออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างเต็มที่แล้ว และก็จะมีโอกาสผิดพลาดตั้งครรภ์ได้เพียง 0.3-8% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอในการรับประทานยาที่ผ่านมาครับ

ไม่ว่าจะใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ก็ควรให้มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนก่อนที่จะเริ่มรับประทานค่ะ โดยทั่วไปจึงแนะนำให้เริ่มรับประทานแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนนั่นเองนะคะ

แต่ถ้าผู้ถามไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ เช่น นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนในรอบล่าสุด มาจนถึงวันที่รับประทานยา ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลย ก็ไม่มีปัญหาค่ะ สามารถเริ่มรับประทานยาคุมแผงแรกได้ แต่จะต้องรับประทานติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ

ในช่วงที่ยังไม่มีผลคุมกำเนิดจากยา จึงต้องงดมีเพศสัมพันธ์ หรือต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันไปก่อนค่ะ ถ้ามีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันในช่วงที่ไม่มีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือน ก็จะต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินเพื่อเป็นวิธีป้องกันสำรองนะคะ

แต่ถ้ารับประทานติดต่อกันครบ 7 วันแล้ว (จะครบ 7 วันเมื่อถึงเวลารับประทานยาคุมเม็ดที่ 8 ของแผง) ก็ถือว่ามีผลป้องกันจากยาคุมรายเดือนแล้ว จึงมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำถ้ารับประทานตรงเวลาสม่ำเสมอค่ะ
..
..
..
ต่อให้ใช้ยาคุมสูตรต้านสิว แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ได้นะคะ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ บวมน้ำ ฝ้า เจ็บคัดตึงเต้านม น้ำหนักเปลี่ยนแปลง อารมณ์แปรปรวน และโดยเฉพาะถ้าใช้ไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้

อีกทั้ง ต่อให้ใช้อย่างเหมาะสม ก็จะต้องใช้เวลานานหลายเดือนกว่าจะเห็นผลในการรักษาสิวด้วยยาคุมนะคะ หรืออาจไม่เห็นผลการรักษาที่ดีตามที่ต้องการ หากมีการใช้อย่างไม่เหมาะสม

ดังนั้น หากผู้ถามซื้อยาคุมมารักษาสิวด้วยตนเอง แนะนำให้ไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ แต่ถ้าเป็นการใช้ตามคำสั่งแพทย์อยู่แล้ว ก็ควรไปรับการตรวจติดตามผลอย่างสม่ำเสมอด้วยค่ะ

การรับประทานยาคุมแบบ 21 เม็ดช้ากว่าเวลาปกติไม่เกิน 1 - 2 ชั่วโมง แม้จะอยู่ในช่วง 7 วันแรกของการรับประทานแผงนี้ ก็ไม่ได้ลดประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดมากนักค่ะ

ดังนั้น ถ้ารับประทานติดต่อกันครบ 7 วันแล้วก็สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้ตามปกติ โอกาสตั้งครรภ์คือ 0.3 - 9% หรือค่อนไปทางต่ำถ้ารับประทานตรงเวลาสม่ำเสมอ

แต่ถ้าต้องการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ รวมถึงลดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอยจากความแปรปรวนของฮอร์โมน ต่อไปก็ควรจะรับประทานให้ตรงเวลาสม่ำเสมอนะคะ