1.อยากสอบถามว่าทำไมยาคุมยี่ห้อ yaz ถึงมีเม็ดแป้งแค่ 4 เม็ด เท่ากับว่ามีช่วงปลอดฮอร์โมน แค่ 4 วัน ทำให้มีระยะเวลาที่จะมีประจำเดือนได้ แค่ 4 วัน 2.ถ้าหากอยากเปลี่ยนยาคุมจาก yaz เป็น yasmin ควรจะเริ่มทานยาคุมของ yasmin หลังจากที่ทานยาคุม yaz หมดแผงแล้วเริ่มได้เลย หรือรอให้ครบเจ็ดวันก่อน (นับวันแรกคือเม็ดแป้งเม็ดที่ 1 ของ yaz ไปอีก 7 วันถึงเริ่มทาน yasmin ได้) 3.สาเหตุที่อยากเปลี่ยนยาคุมเพราะว่าอยากให้มีช่วงระยะเวลาปลอดฮอร์โมนมากขึ้นมาหน่อยประมาณ 7 วัน เพราะ yaz แค่ 4 วัน แล้วเท่าที่หาข้อมูลมา yaz อยู่ในกลุ่มฮอร์โมนต่ำมากเลยอาจจะทำให้มีผลกระทบเรื่องประจำเดือนมากระปริบกระปรอยได้ อยากทรายว่า yaz กับ yasmin มีความแตกต่างกันมั้ยคะ แล้วแตกต่างกันอย่างไร 4.หากทานยาคุมติดต่อกันเป็นเวลานานจะมีผลเสียต่อสุขภาพไหมคะ แล้วหากไม่ทานยาเปลี่ยนไปคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น ฉีดยาคุม จะมีผลดีมากกว่ามั้ย *พึ่งเริ่มทานยาคุมครั้งแรกคะ เภสัชแนะนำยี่ห้อ yaz มา เริ่มทานเม็ดแรกวันที่ 1 มกราคม วันนี้ 24 มกราคาเป็นเม็ดฮอร์โมนเม็ดสุดท้าย คิว่สอยากจะเปลี่ยนยี่ห้อเลยมาสอบถามเพิ่อประกอบการตัดสินใจค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากๆค่ะ

1. การออกแบบยาคุมสูตร 24/4 ให้มีช่วงปลอดฮอร์โมนสั้น ๆ เพื่อหวังว่าการที่ระดับฮอร์โมนไม่แปรปรวนมากในช่วงปลอดฮอร์โมนของแผง จะป้องกันการเจริญของไข่ได้ดีกว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ อีกทั้งยังช่วยลดกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน เช่น เจ็บเต้านม ท้องอืด ปวดศีรษะ และอารมณ์แปรปรวน ได้ดีกว่ายาคุมสูตร 21/7 ค่ะ นอกจากนี้ยาคุมสูตร 24/4 ได้แก่ ยาส, ซินโฟเนีย, มินิดอซ และไมนอซ จะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อย จึงลดผลข้างเคียงจากฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดศีรษะ, บวมน้ำ หรือเป็นฝ้า ได้ด้วยนั่นเอง ขนาดการใช้ยาคุมรายเดือนในการคุมกำเนิด ไม่มีผลในการหยุดประจำเดือนนะคะ ดังนั้น การที่มีช่วงปลอดฮอร์โมนเพียง 4 วัน ไม่ได้หมายถึงว่าผู้ใช้จะต้องมีประจำเดือนไม่เกิน 4 วันเสมอไป แต่อาจยังมีประจำเดือนต่อในช่วงแรก ๆ ของการเริ่มใช้แผงใหม่ได้ (อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกัน ผู้ที่ใช้ยาคุมสูตร 24/4 มักจะมีประจำเดือนน้อยกว่า และระยะเวลาการมีประจำเดือนสั้นกว่า ผู้ที่ใช้ยาคุมสูตร 21/7 ค่ะ ซึ่งถือเป็นข้อดีที่ไม่ต้องเสียเลือดมากนะคะ) 2. หากต้องการเปลี่ยนจากยาสเป็นยาสมิน เมื่อใช้ยาสจนหมดทั้ง 28 เม็ดแล้ว วันถัดมาก็เริ่มรับประทานยาสมินได้เลยค่ะ เพื่อให้มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องกัน แต่ในกรณีที่ต้องการเปลี่ยนกลับมาใช้ยาสอีก เมื่อใช้ยาสมินหมดทั้ง 21 เม็ดแล้ว จะเว้นว่าง 7 วัน แล้วจึงค่อยเริ่มรับประทานยาสนะคะ คิดง่าย ๆ ก็คือ ยาคุม 1 แผง จะมีการใช้ 28 วันค่ะ ดังนั้น ถ้ายาคุมที่ใช้มี 28 เม็ดอยู่แล้ว หมดแผงแล้วก็ต่อแผงใหม่ได้เลย แต่ถ้ายาคุมที่ใช้มี 21 เม็ด ก็จะเว้นว่างต่ออีก 7 วันเพื่อให้ครบ 28 วันก่อนจะต่อยาคุมแผงใหม่นะคะ 3. หากรับประทานยาคุมตรงเวลาสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนต่ำมาก, ต่ำ หรือสูง ก็มักจะไม่พบผลข้างเคียงเรื่องการมีเลือดออกกะปริบกะปรอยค่ะ เนื่องจากระดับฮอร์โมนในเลือดไม่แปรปรวน และการที่ทำช่วงปลอดฮอร์โมนให้สั้นลง ก็เพื่อลดผลข้างเคียงจากยาคุมแบบเดิมที่มีช่วงปลอดฮอร์โมน 7 วันตามที่ได้กล่าวไปแล้วในข้อ 1 นะคะ แต่ถ้าผู้ถามไม่ได้รู้สึกเป็นปัญหากับผลข้างเคียงจากยาคุมสูตร 21/7 ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ยาสมินแทนการใช้ยาสได้ค่ะ เนื่องจากจะมีราคาย่อมเยากว่ามาก 4. ยาเม็ดคุมกำเนิดถือเป็น "การคุมกำเนิดชั่วคราว" ชนิดหนึ่งค่ะ โดยปกติจึงมีการใช้แค่เพียงระยะหนึ่งในช่วงที่ยังไม่พร้อมจะมีบุตร การใช้ยาคุมต่อเนื่องกันนาน อาจเพิ่มความเสี่ยงบางอย่าง เช่น มะเร็งเต้านม (แต่น้อยมากค่ะ และความเสี่ยงจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อหยุดใช้) แต่ก็ลดความเสี่ยงบางอย่างเช่นกัน เช่น มะเร็งรังไข่ และมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ดังนั้น แนะนำให้ใช้ตามที่จำเป็นนะคะ และควรไปพบแพทย์/สูตินรีแพทย์เพื่อตรวจติดตามผลหรือคัดกรองความเสี่ยงตามนัด อย่างสม่ำเสมอค่ะ ยาฉีดคุมกำเนิด มีประสิทธิภาพในการป้องกันสูงกว่ายาเม็ดคุมกำเนิดเล็กน้อยค่ะ นั่นคือ ผู้ที่ฉีดยาคุม จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.2 - 6% ส่วนผู้ที่ใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% อย่างไรก็ตาม หากรับประทานยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าต่ำมากจนไม่น่าจะกังวล และใกล้เคียงกับความเสี่ยงต่ำสุดของยาฉีดคุมกำเนิดนะคะ ดังนั้น หากมั่นใจว่าจะรับประทานยาคุมได้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ก็ไม่มีปัญหาค่ะ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าจะรับประทานยาคุมได้ถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอหรือไม่ การใช้ยาฉีดคุมกำเนิดน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เนื่องจากไม่ต้องบริหารยาบ่อย ๆ ทำให้ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดพลาดในการใช้นั่นเองนะคะ