ถึงแม้ว่าประจำเดือนจะเป็นสิ่งที่คุ้นเคยกับสาว ๆ เพียงใด แต่บางครั้งก็นำมาซึ่งความไม่สะดวกสบายได้เหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงที่เรามีเหตุจำเป็นที่ “ไม่สามารถ” มีประจำเดือนช่วงนั้นได้จริง ๆ เช่น ต้องมีการประกวดแข่งขัน ต้องเดินทางไกล เข้าค่ายพักแรม โอกาสพิเศษ เทศกาลพิเศษ หรือแม้แต่ทริปท่องเที่ยวที่วางแผนมานานแล้วหลายเดือน ไม่อยากจินตนาการเลยว่าการมีประจำเดือนในช่วงนี้จะทำให้ชีวิตของผู้หญิงนั้นยุ่งยากขนาดไหน บทความนี้จึงได้นำเอาสารพัดวิธีมาให้สาว ๆ ได้เลือกใช้ค่ะ
ทำความเข้าใจ ทำไมต้องมีการเลื่อนประจำเดือน
การเลื่อนประจำเดือน ก็คือการชะลอให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติเนื่องจากมีความจำเป็นบางอย่าง โดยปกติประจำเดือนของผู้หญิงจะมาค่อนข้างตรง หรืออาจจะมาก่อนหรือหลังรอบเดือนเดิมในช่วง 7 วัน เพราะฉะนั้นหากสาว ๆ คาดว่าประจำเดือนจะมาในช่วงที่มีกิจกรรมสำคัญจะสามารถวางแผนโดยใช้ยาเลื่อนประจำเดือนป้องกันได้เลย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ทำความรู้จักกับยาเลื่อนประจำเดือน
ปกติแล้วยาเลื่อนประจำเดือนคือตัวยากลุ่ม Norethisterone ผลิตในปริมาณ 5 mg. มีขายหลายแบรนด์กันเลยทีเดียว ส่วนมากมักเป็นประเภทเม็ดทานง่าย ยากลุ่มนี้เป็นการทำงานกับฮอร์โมน โดยทำให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้น ทำให้ประจำเดือนมาช้าลง ถึงแม้หยุดยาแล้วประจำเดือนก็จะไม่มาในทันที เฉลี่ยมักจะมาหลังจากการหยุดยาเลื่อนประจำเดือนไปแล้ว 2-3 วัน
วิธีการทานยาเลื่อนประจำเดือน
- ก่อนอื่นเลย ต้องดูที่น้ำหนักตัวของเราค่ะ
- สำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 60 กิโลกรัม ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น
- สำหรับผู้หญิงที่มีน้ำหนักมากกว่ากว่า 60 กิโลกรัม ทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เช้า-เที่ยง-เย็น
- เวลาในการทาน อาจจะเป็นก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ แต่ควรเป็นเวลาเดิมหรือใกล้เคียงกัน
ควรทานยาเลื่อนประจำเดือนเมื่อไหร่ดี ?
โดยปกติแล้ว ประจำเดือนของผู้หญิงมักจะมาในเวลาใกล้เคียงกันมาก บางคนมาวันเดิมทุก ๆ เดือนเสียด้วยซ้ำไป แต่สำหรับบางคนอาจจำมาคลาดเคลื่อนซึ่งเป็นได้ทั้งกรณีก่อนและหลัง แต่นั่นไม่ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เพราะตามหลักการแล้วผู้หญิงจะมีประจำเดือนทุก ๆ 28 วัน บวกลบไม่เกิน 7 วัน นั่นแปลว่าบางคนรอบเดือนสั้นมาทุก 21 วัน ในขณะที่บางคนรอบเดือนยาวมากถึง 35 วันกว่าจะมา
ฉะนั้นสำหรับการทานยาเลื่อนประจำเดือน คุณผู้หญิงจึงควรนับรองเดือนของตัวเองว่าโดยปกติแล้วจะมาตรง, เร็ว หรือช้า โดยให้ทานล่วงหน้าที่คิดว่ารอบเดือนของตัวเองจะมาอย่างน้อย 3-7 วัน การทานยาล่วงหน้า 7 วันเป็นช่วงที่ดีที่สุด แต่เนื่องด้วยประจำเดือนจะสามารถคลาดเคลื่อนได้ การทานยาล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วันก็ยังถือว่าเป็นระยะเวลาที่ใช้ได้ผล แต่ถ้าหากทานยาเลื่อนน้องกว่า 3 วันค่อนช้า คือไม่ทันแล้วนั่นเอง
และมักจะมีอีก 1 คำถามสำหรับสาว ๆ ที่ประจำเดือนมักมาช้ากว่าปกติคือ “ถ้าหากทานแล้วประจำเดือนไม่มาสักที จะทำอย่างไรดี สิ่งแรกที่ควรทำคือ คำนวณระวะเวลาที่ประจำเดือนจะมาให้ใกล้เคียงที่สุด เพราะการทานยาเลื่อนประจำเดือนแต่ละครั้งไม่ควรทานติดต่อกันนานกว่า 14 วัน หรือ 2 สัปดาห์
การทานยาเลื่อนประจำเดือนกับยาคุม
อีกกรณีหนึ่งสำหรับคุณผู้หญิงที่ทานยาคุมกำเนิดอยู่แล้ว และต้องการใช้ยาคุมเพื่อเลื่อนประจำเดือนในเดือนนั้น ๆ ก็สามารถทำได้เช่นกัน หากปฏิบัติดังนี้จะสามารถเลื่อนประจำเดือนได้
- สำหรับคนที่ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 21 เม็ด เมื่อทานจนหมดแผงแล้ว ให้เริ่มกินแผงต่อไปได้เลยไม่ต้องหยุดยา
- สำหรับคนที่ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 28 เม็ด เมื่อทานยาคุมไปแล้ว 21 เม็ด ให้เริ่มทานยาคุมกำเนิดแผงใหม่เลย ไม่ต้องกิน 7 เม็ดที่เหลือในแผงเดิม
- สำหรับยาคุมกำเนิดที่มีเม็ดแป้งในแผงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเม็ดแป้ง 7 หรือ 4 เม็ด ไม่ต้องกินเม็ดแป้งนั้น ๆ สามารถเริ่มแผงใหม่ได้เลย เพราะในส่วนของเม็ดแป้งนั้นไม่ได้มีส่วนผสมของฮอร์โมน
คำเตือนสำหรับการกินยาเลื่อนประจำเดือน
ยาเลื่อนประจำเดือน เป็นยาที่เหมาะสำหรับใช้ยามฉุกเฉิน ทั้งนี้ไม่ควรใช้บ่อยเกินไปเพราะอาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนหรือมาผิดปกติ มากะปริดกะปรอย หรือคัดตึงเต้านม รวมทั้งปวดหัวคลื่นไส้ได้ ฉะนั้นไม่ควรใช้ยาเลื่อนต่อเนื่องกันหลายเดือน หรือควรใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
สำหรับหญิงที่ต้องการ”ตั้งครรภ์” หรือ”ไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์” ในขณะที่ใช้ยาเลื่อนประจำเดือน ควรระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะว่ายาอาจมีผลต่อการพัฒนาอวัยวะเพศภายนอกของทารกในครรภ์ได้ หากพบว่าตั้งครรภ์อย่าเพิ่งตกใจ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามพัฒนาการพร้อมทั้งวางแผนการดูแลทารกในครรภ์อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ยังไม่มีผลทางการแพทย์ยืนยันแต่เป็นความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น