March 01, 2018 10:16
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
สาเหตุของอาการที่เป็นอยู่เป็นผลสืบเนื่องมาจากการติดเชื้อในสมองนะคะ การที่สมองของคนเรามีรอยโรคอาจส่งผลต่อโรคทางจิตเวชตามมาได้ บางคนอาจมีความผิดปกติของกระบวนการคิด ความจำ พฤติกรรมเปลี่ยน อารมณ์แปรปรวน ผิดปกติของการรับรู้ มีหูแว่วภาพหลอนได้เช่นกัน ภาวะแบบนี้เกิดได้ค่ะ นอกจากนั้นการที่คุณสงสัยว่าผู้ป่วยไม่น่าจะมีความเครียดและซึมเศร้านั้น จริงๆแล้วการเกิดโรคพวกนี้เกิดจากสารเคมีในสมองไม่สมดุลได้ ไม่จำเป็นว่าชีวิตจะต้องมีปัญหารุนแรงคอยรุมเร้าแล้วถึงจะเป็นโรคซึมเศร้านะคะ และจากประวัติผู้ป่วยมีอาการกำเริบมากขึ้นหลังจากรับรู้ว่าป่วยเป็นเบาหวาน ก็ถือเป็นปัจจัยที่กระตุ้นทำให้มีอาการได้ค่ะ ดังนั้นวิธีการรักษาควรพาผู้ป่วยไปตามนัดทุกครั้งทั้งแผนกเบาหวานและแผนกจิตเวช ญาติต้องจัดยาให้ผู้ป่วยได้ทานต่อเนื่องไม่หยุดยาเอง เมื่อใดที่ผู้ป่วยซึมลง หรือก้าวร้าวมากขึ้น สับสนวุ่นวายควรพาไปพบแพทย์ก่อนนัดทันที อาการทางจิตเวชอาจต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน และในขณะรักษาอาจมีอาการกำเริบเป็นช่วงๆได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
คือต้องรักษาต่อเนื่องใช่มั้ยค่ะ
ขอบคุณมากคะคุณหมอ
ผู้ป่วยเพศหญิงอายุ 62 ปี ประกอบอาชีพเกษตรกร มีอาการคิดวิตกกังวลผิดวิสัยที่เคยเป็นหลังจากตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคเบาหวาน ซึ่งถ้าเป็นนิสัยปกติของผู้ป่วยจะไม่วิตกกังวลขนาดนี้ โดยก่อนหน้านี้ประมาณสี่ปีที่แล้วผู้ป่วยเคยมีอาการทางสมอง มีความคิดผิดปกติ ไม่ตอบสนองไม่พูดไม่กิน ไม่เดิน ไม่นั่งไม่นอน โดยไม่ได้มีอาการหรือโดรคผิดปกติทางร่างกายใด ๆ เลย อาการคล้าย ๆ ป่วยทางจิต ไม่ยอมทำกิจวัติเสียเอง หมอให้นอนโรงพยาบาลให้อาหารทางสาย และยาฆ่าเชื้อ ประมาณว่าติดเชื้อในสมอง และรับยารักษาต่อเนื่องในโรงพยาบาลประมาณหนึ่งเดือนก็หาย และค่อย ๆ ใช้ชีวิตได้ปกติ พอหายดีผู้ป่วยแทบจำสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างรักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ได้เลย มีเพียงบางความทรงจำที่บอกว่าจะต้องห้ามพูดไม่งั้นคนรอบข้างจะเสียชีวิต จนมาปลายปีที่ผ่านมาผู้ป่วยมีอาการมึนงง ไม่ยอมนอน และลุกรามจนโวยวายอาละวาดลูกหลาย ไปพบแพทย์ทางจิตเวท หมอวินิจฉัยว่าอาจเป็นอาการสับสัน เพราะผู้ป่วยยังมีสติในบางช่วงเวลา อาจไม่ใช่โรคจิตประสาท ให้ยาทางจิตประสาทมา และทานยาต่อเนื่องจนอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณหนึ่งเดืิอนก็หายอีก และมาเดือนมกราที่ผ่านมาผู้ป่วยทานยาจากหมอจิตเวทหมดสักระยะหนึ่งแล้ว พบว่าตัวเองไม่มีแรงซูบผอม มีความวิตกกังวล เลยเข้าพบหมอที่เคยรับยาจิตประสาทอีกครั้ง และไปพบหมอรับตรวจสุขภาพจนพบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวานมีน้ำตาลในเลือดสูง หลังจากนั้นก็มีอาการวิตกกังวลอย่างรุนแรง อย่างที่ไม่ใช่นิสัยปกติของผู้ป่วยเลย จนไม่ยอมนอน ไม่ยอมกิน โวยวาย และต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เกิดอาการพูดจาสับสนวกวน ไม่ได้สติ พออาการโรคเบาหวานคงที่ก็กลับบ้านรักษาตัวที่บ้าน โดยอาการสับสนวิตกกังวลยังคงอยู่ บางวันหายเป็นปกติ บางวันก็เป็นรุนแรงขึ้นมาอีก บางวันไม่ยอมทาน ข้าวทานยา ไม่เดิน ไม่นั่ง นอน บอกตัวเองเดินไม่ได้ไม่มีแรง ทั้ง ๆ ที่ทำได้ เป็นความคิดใต้จิตของตัวเองคล้ายโรคจิตประสาท หมอบอกว่าเป็นอาการทางจิตประสาท เกืดจากความเครียด ซึมเศร้า และอาการทางจิตประสาทร่วมด้วย ต้องทานยาต่อเนื่องถึงจะเห็นผล โดยดิฉันมีความเชื่อมั่นมาตลอดว่าผู้ป่วยไม่น่าจะมีความเครียดสะสมอะไรขนาดนั้น ผู้ป่วยเป็นคนที่จิตใจดี ปล่อยวาง ไม่น่าจะมีความทุกข์ และโรคซึมเศร้าไม่น่าจะเป็นไปได้ ผู้ป่วยอาศัยอยู่กับบุตร และมีหลาน เล็ก ๆ สองคนให้เลี้ยงดูพูดคุย จึงไม่แน่ใจว่าอาการดังกล่าวมีผลจากสาเหตุใดได้อีกบ้าง เพราะผู้ป่วยเป็นแบบนี้มาครั้งที่สามแล้ว อยากมีวิธีป้องกันและเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)