ขอสอบถามน่ะค่ะ พอดีเป็นแผลคล้ายๆร้อนในตรงช่องคลอดค่ะ แผลสีขาวขุ่น เจ็บมากและแสบมาก คือมันเกิดจากอะไรค่ะ แล้วต้องรักษายังไงค่ะ ตอนนี้กังวลมากค่ะกลัวมันจะเป็นใหญ่กว่าเดิม

สวัสดีครับ ถ้าการมีแผลที่อวัยวะเพศ อาจจะเป็น
การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ครับ คือ

1.เริม อวัยวะเพศ จะเป็นกลุ่มตุ่มน้ำใส แสบๆปวดๆ คัน การรักษาคือ ดารดูแลความสะอาด กินยาลดปวด หรืออาจจะกินยาต้านเริมก็ได้ครับ
2.ซิฟิลิส แผลจะขอบแข็ง ไม่เจ็บ ไม่มีหนอง
การรักษา คือการฉีดยาฆ่าเชื้อ เพื่อรักษาตามระยะของโรค
3.แผลริมอ่อน จะขอบแผลไม่แข็ง จะปวดๆ แผลมีหนอง ได้ครับ การรักษาคือการกินยาฆ่าเชื้อ

แนะนำว่าควรไปพบ แพทย์ เพื่อตรวจยืนยันอาการอีกทีครับว่าเป็นอะไรแน่ครับ

สวัสดีค่ะ
แผลบริเวณอวัยวะเพศเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ
-จากการบาดเจ็บหรือเสียดสี ไม่ว่าจะเป็นการช่วยตัวเองหรือมีเพศสัมพันธ์ กรณีที่ไม่มีน้ำหล่อลื่นเพียงพอหรือกระทำรุนแรงและนานจนเกินไปก็อาจทำให้เกิดบาดแผลได้ กรณีนี้แผลมันเป็นไม่รุนแรงและมักหายไปเอง แต่ถ้าแผลอักเสบมาก มีบวมแดงร้อนเจ็บมากหรือหนองไหลจากแผล ควรไปพบแพทย์เนื่องจากอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
-เกิดจากผื่นแพ้ ระคายเคือง ไม่ว่าจะเป็นผื่นแพ้สัมผัส สารเคมี ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้ลองสังเกตว่ามีประวัติเหล่านี้ร่วมด้วยหรือไม่
-แผลจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้ามีประวัติเสี่ยงมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันมาก่อนโดยเฉพาะการมีคู่นอนหลายคนหรือไม่ทราบประวัติคู่นอนก็จะเสี่ยงมากขึ้น เช่น โรคเริม มักเป็นลักษณะกลุ่มของตุ่มน้ำใส แสบและระคายเคือง ภายหลังจะตกสะเก็ดแห้งได้, แผลริมแข็ง เป็นแผลจากเชื้อซิฟิลิส ลักษณะคือจะเป็นขอบยกนูน ไม่เจ็บ มักเป็นแผลเดี่ยว, แผลริมอ่อน เกิดจากเชื้อ Haemophilus Ducreyi แผลนี้จะเจ็บ มักเป็นหลายแผล, หูดหงอนไก่ มักมีลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำ, หูดข้าวสุก เป็นตุ่มนูนตรงกลางบุ๋ม
ยังไงแนะนำให้ไปพบแพทย์ตรวจเพื่อทำการวินิจฉัยและจะได้วางแผนทำการรักษานะคะ

แผลที่อวัยวะเพศ เป็นได้หลายอย่างครับ

ถ้าเจ็บด้วย อาจจะเป็น
- แผลริมอ่อน
- แผลเริม
- แผลที่เกิดจากการเสียดสี/ถลอก

เป็นต้นครับ

ถ้าคนไข้มีลักษณะคล้ายตุ่มน้ำใส อาจจะเป็น เริมครับ

เริมเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง อาการจะมีตุ่มน้ำ ถ้าแตกจะปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลและตกสะเก็ดได้ เกิดได้ตำแหน่ง เช่น ริมฝีปาก อวัยวะเพศ ใบหน้า ดวงตา อาจมีไข้ อ่อนเพลีย ได้

เบื้องต้น แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่กล่าวมาครับ
และคนใกล้ชิด ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล สารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ของผู้ป่วย, ควรงดการทีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะหายสนิทครับ

และแนะนำให้ไปพบแพทย์จะดีที่สุด เพื่อซักประวัติ และตรวจร่างกายอย่างละเอียด
บางครั้งถ้าเริ่มเป็นแล้วรีบไปพบแพทย์ หรือมีโรคเริมเป็นซ้ำบ่อยๆ อาจมีข้อบ่งชี้ในการกินยาลดจำนวนไวรัส เพื่อลดระยะเวลาการเป็นโรค/การเจ็บปวด ลดระยะเวลาการแพร่เชื้อ และลดโอกาสการเป็นซ้ำครับ

ไม่แนะนำให้ซื้อยากินเอง เพราะยาต้านไวรัสมีผลข้างเคียงต่อไต ได้ครับ

สวัสดีครับ
การมีแผลบนอวัยวะเพศนั้นสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ครับ เช่น
- โรคเริม (Genital herpes) มีลักษณะเป็นตุ่มเม็ดกลมๆใสๆขึ้นเป็นกลุ่ม
- โรคหูด (Genital warts) มีลักษณะเป็นตุ่มนูน หรือแบนก็ได้ สีเหมือนสีผิวหนังทั่วไป ลักษณะผิวด้านบนก้อนขรุขระเหมือนดอกกะหล่ำ
- แผลริมอ่อน (Chancroid) มีลักษณะเป็นแผลหลุมตื้นๆ บวมแดง ขอบแผลชัดเจน คล้ายแผลร้อนในในช่องปาก มีอาการเจ็บหรือปวดบริเวณแผล อาจพบอาการบวมของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบข้างเดียวหรือทั้ง 2 ข้างได้
- แผลริมแข็ง (Chancre) หรือโรคซิฟิลิสระยะที่ 1 (Syphillis) ลักษณะแผลมีขนาดเล็ก ก้นขอบแผลมีลักษณะเรียบและแข็ง มักไม่มีอาการเจ็บปวดบริเวณแผล
- แผลกามโรคเรื้อรังที่ขาหนีบ (Granuloma inguinale) ลักษณะจะเป็นแผลเรื้อรัง พบบ่อยบริเวณขาหนีบ อัณฑะ อวัยวะเพศภายนอกของผู้หญิง ซึ่งเริ่มแรกจะมีแผลเป็นลักษณะตุ่มน้ำใสๆ และจะแตกออกเป็นแผลตื้นๆในเวลาต่อมา
- ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma venereum) ลักษณะแผลเป็นตุ่ม หรือเป็นแผลตื้นๆบนอวัยวะสืบพันธ์ ร่วมกับมีอาการบวมหรืออักเสบของต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ ในเพศหญิงอาจเกิดอาการบวมที่ปากมดลูกและแคมได้
**แผลบนอวัยเพศต่างๆที่ได้กล่าวมาเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ซึ่งการวินิจฉัยต้องอาศัยการซักประวัติ และตรวจร่างกายเพิ่มเติม รวมถึงการพิจารณาส่งสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ ดังนั้นควรไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจและให้การรักษาครับ**