มีอาการปวดท้องบริเวณฝั่งซ้ายใต้สะดือ เป็นๆหายๆ ปวดมา 3 วันแล้ว วันแรกมีอาการหนาวสั่น ปวดเนื้อ ปวดตัวเหมือนจะมีไข้ วันที่ 2 ไปหาหมอ หมอบอกแค่ท้องอืด เช้าวันที่ 3 มีอาเจียนอาจจะเปนเพราะกินยาตอนท้องว่าง อยากทราบว่าเป็นอะไรค่ะ

สวัสดีค่ะ อาการดังกล่าว อาจเกิดจากการติดเชื้อที่ทางเดินอาหาร หรือ อาหารเป็นพิษได้ค่ะ
วิธีการดูแลตนเองเมื่อมีอาการท้องเสียหรืออาเจียน เบื้องต้นค่ะ
1.ทานน้ำเกลือแร่ (ORS แบบชงรับประทานเอง)ทดแทนน้ำในอุจจาระที่สูญเสียไปค่ะ
2.ดื่มน้ำมากๆ
3.หาก มีอาการคลื่นไส้อาเจียน สามารถทานยาแก้คลื่นไส้อาเจียนได้ เช่น ยา domperidone เป็นต้น
4.รับประทานอาหารปรุงสุกสะอาดเท่านั้น
5.หากมีอาการถ่ายมาก ถ่ายเป็นน้ำติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์ หรือ กินไม่ได้ ถ่ายมีมํกเลือดปน มีไข้ ให้ไปพบแพทย์ค่ะ ไม่แนะนำให้ทานยาหยุดถ่ายหรือซื้อยาฆ่าเชื้อทานเองค่ะ

ในกรณีลำไส้อักเสบมักจะมีไข้ ปวดท้องบิดๆ มีถ่ายท้องเสียได้คะ โดยปกติมักเกิดจากเชื้อไวรัสมักจะดีขึ้นภายใน2-3 วัน แต่ในกรณีที่มีถ่ายเป็นมูกเขียวๆหรือเลือดร่วมด้วยแนะนำให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยายาลคะ

ส่วนกรณีอื่นๆที่เป็นไปได้เช่น มีนิ่วหรือติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ หรือมีการติดของมดลูกหรือปากมดลูกคะ แต่มักมีอาการที่เกี่ยวข้องอื่นๆเช่นปัสสาวะแสบขัด หรือปวดท้องน้อย ตกขางผิดปกติร่วมก้วยคะ

1.ลำไส้อักเสบ
2.กระเพาะอักเสบ
3.นิ่วทางเดินปัสสาวะ
4.ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
5.ปีกมดลูกอักเสบ
6.ติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน

แนะนำให้ไปพบแพทย์ที่รพคะ เพื่อตรวจละเอียดอีกครั้ง