คือว่าเรามีเพศสัมพันธ์กับแฟนค่ะแล้วหลั่งในแต่ใส่ถุงยาง พอเสร็จกิจก็ลองเอาน้ำใส่ถุงยางดูแล้วถุงยางไม่รั่วค่ะ แต่ตอนที่ดึงออกมีน้ำขุ่นๆติดที่ปลายถุงยางมาด้วย อยากจะรู้ว่าเป็นน้ำของผู้หญิงรึป่าวคะ เราไม่สบายใจเลยซื้อยาคุมฉุกเฉินมาทานควบคู่ไปด้วย เรามีโอกาสที่จะต้องไหมคะ

สวัสดีครับ
การที่ได้มีการตรวจสอบถุงยางคแล้วว่าไม่มีการแตกรั่วโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ก็จะมีได้น้อยมากโดยไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมฉุกเฉินครับ และถึงแม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินไปแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาเนื่องจากจะไม่ทำให้โอกาสตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้น

ถ้าหากมั่นใจว่าถุงยางอนามัยไม่มีการแตกรั่วแล้วน้ำที่อยู่ภายนอกของถุงยางอนามัยก็มักเป็นเพียงน้ำหล่อลื่นหรือตกขาวของฝ่ายหญิงมากกว่า จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ในกรณีนี้ครับ

แต่ถ้าหากต้องการความมั่นใจก็อาจลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูได้ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

สวัสดีค่ะ
โดยปกติ ถ้าใส่ถุงยางถูกวิธี หลังมีเพศสัมพันธ์ ตรวจสอบว่าไม่มีถุงยางรั่ว สามาถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ประมาน 99% ค่ะ
การทานยาคุมฉุกเฉินควรทานภายใน 12 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ค่ะ

การทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ สามารถป้องกันการมีเพศสัมพันธ์ได้ประมาน 90-95% ค่ะ
ถ้าอยากตรวจการตั้งครรภ์ยินยัน ควรตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 14 วันขึ้นไปค่ะ

การอาเจียนที่เวลา 7 ชั่วโมงหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกจะไม่ทำให้ประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินลดลงครับ และการที่ได้รับประทานยาคุมเม็ดที่ 2 ไปตอน 12 ชั่วโมงหลังรับประทานยาคุมเม็ดแรกแล้วก็จะทำให้ยาคุมยังมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ที่ปกติอยู่ และเใื่อประกอบกเบที่โอกาสที่ถุงยางอนามัยจะแตกรั่วตามเหตุการณ์ที่เล่ามานั้นมีน้อย จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการตั้งครรภ์ครับ