สวัสดีค่ะ สอบถามคุณหมอค่ะ พอดีก่อนหน้านี้กินยาคุมฉุกเฉินค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็เป็นประจำเดือน เป็นเกือบ2อาทิตย์ค่ะ แต่ปริมาณต่อวันน้อยมาก พอหมดแล้วมีอการเจ็บเต้านมมาประมาน1อาทิตย์แล้วค่ะ แบบนี้ปกติหรือเปล่าคะ หรือมีโอกาสท้องไม๊คะ ขอบคุณค่ะ

หากไม่มีการตั้งครรภ์ ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อนเพียงไม่กี่วันค่ะ ซึ่งประจำเดือนปกติควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันนะคะ

ส่วนเลือดที่เป็นผลข้างเคียงจากยา จะเป็นเพียงหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ในกรณีที่พบ อาจเกิดขึ้นเพียงแค่วันเดียว หรือเป็นอยู่นาน 2 - 4 วันแล้วก็หายไปเองค่ะ

ดังนั้น ในกรณีที่ผู้ถามมีปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีเลือดกะปริบกะปรอยต่อเนื่องกันมาเกือบ 2 สัปดาห์แล้ว ถือว่าไม่ปกตินะคะ และไม่น่าจะเป็นผลจากการใช้ยาคุมฉุกเฉิน จึงแนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติมหาสาเหตุที่แท้จริงและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมค่ะ
..
..
..
ส่วนโอกาสตั้งครรภ์ เนื่องจากยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติ ดังนั้น แม้จะใช้ครบขนาดและทันเวลา แต่ก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15 - 25% นะคะ

ซึ่งในกรณีที่ไม่มีประจำเดือนมา หรือไม่มั่นใจ และกังวลว่าอาจตั้งครรภ์ ก็สามารถตรวจให้ชัดเจนได้ โดยใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ ตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันค่ะ

สวัสดีครับ
อาการเจ็บเต้านมและมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอดนั้นไม่ใช่อาการที่จะบ่งบอกได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ครับ การที่จะทราบได้ว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่อย่างแน่ชัดนั้นหมอแนะนำว่าควรลองตรวจการตั้งครรภ์ยืนยันดูก่อน โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะแรกหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

ส่วนอาการเลือดออกน้เนถึงแม้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียงให้มีเลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอดได้ แต่โดยเฉลี่ยแล้วอาการเลือดออกนี้ก็ไม่ควรเป็นนานเกิน 1 สัปดาห์ครับ ถ้าหากมีเลือดออกผิดปกติมา 2 สัปดาห์ก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีความผิดปกติบางอย่างซ่อนอยู่ เช่น
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- มีการแข็งตัวของเลือดที่ผิดปกติ
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกจิ
เป็นต้น ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ