April 22, 2019 11:16
ตอบโดย
พิชญาพร กูลนุวัฒน์ (พญ.)
สวัสดีค่ะ
การมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันมีโอกาสในการตั้งครรภ์สูงค่ะ
การแก้ปัญหาด้วยการทานยาคุมฉุกเฉิน ถือว่าทำถูกต้องแล้วค่ะ แต่ประสิทธิภาพจะไม่มากนัก
โดยการรับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 24 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 10-15%
ภายใน 72 ชม มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ 15-20% ค่ะ ยิ่งทานเร็วยิ่งดีค่ะ
กรณีของผู้ถาม ยังคงมีโอกาสผิดพลาดได้อยู่ จึงแนะนำตรวจการตั้งครรภ์ ซึ่งสามารถตรวจได้เองจากปัสสาวะหลังจากมีการปฏิสนธิ 14 วันค่ะ ความผิดพลาดมีไม่เกิน 1%ค่ะ
หากไม่พบการตั้งครรภ์แล้ว แนะนำการคุมกำเนิดในอนาคต โดยวิธีการทานยาคุมรายเดือน การใส่ห่วง การสวมถุงยางอนามัย การฉีดยาคุมกำเนิด และการฝังยาคุมกำเนิด เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากกว่า ควรศึกษาถึงข้อดีข้อเสียและความสะดวกของตนเอง เพื่อการคุมกำเนิดอย่างมีประสิทธิภาพค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ขออนุญาตเสริมนะคะ
แม้ว่ายาคุมฉุกเฉินจะมีหลายกลไกที่ช่วยในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่การศึกษาใหม่ ๆ ชี้ว่ากลไกที่มีประสิทธิภาพและถือเป็นกลไกหลักก็คือการชะลอไข่ตกค่ะ ดังนั้น โอกาสตั้งครรภ์อาจสูงหรือต่ำกว่าตัวเลขเดิม ๆ ที่เคยแนะนำไว้ (แต่โดยส่วนตัวก็ยังใช้ตัวเลขเดิม ๆ ในการอ้างอิงนะคะ เพราะเป็นสถิติมาตรฐานที่ถูกใช้ในหลาย ๆ แนวทางที่น่าเชื่อถือ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตค่ะ)
ซึ่งตามการสรุปของการศึกษาใหม่ดังกล่าวชี้ว่า จะให้ได้ผลในการป้องกันฉุกเฉินได้ดี นอกจากจะต้องใช้โดยเร็วที่สุดที่ทำได้ตามที่เคยแนะนำในอดีตเพื่อป้องกันไข่ผสมกับอสุจิ หรือป้องกันการฝังตัวที่เยื่อบุมดลูกของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว ยังหวังผลว่ายาจะไปชะลอการตกของไข่ได้ทันด้วยค่ะ (ถ้าชะลอได้ ไม่มีไข่ตก ก็ไม่เสี่ยงที่ไข่จะผสมกับอสุจินั่นเอง) ดังนั้น ในบางกรณี แม้จะรับประทานเร็ว แต่ถ้ามีการตกของไข่ไปก่อนแล้วไม่นาน กลไกอื่น ๆ ที่เหลือก็อาจไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ
แต่เนื่องจากวันที่ไข่ตกจริงอาจคลาดเคลื่อนไปจากที่คาดการณ์ไว้ได้ ดังนั้น จึงบอกไม่ได้ค่ะว่าวันที่มีเพศสัมพันธ์จะมีไข่ตกไปแล้วหรือยัง หรือว่ายาคุมฉุกเฉินจะสามารถชะลอไข่ตกได้ทันหรือไม่ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือควรเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดมาตรฐานมาป้องกันการตั้งครรภ์ ไม่ควรใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนวิธีคุมกำเนิดปกติ (เช่น ใช้เพราะไม่อยากใส่ถุงยาง หรือใช้เพราะไม่อยากรับประทานยาคุมรายเดือน) เพื่อลดความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวจากการใช้ยาคุมฉุกเฉินนั่นเองค่ะ
..
..
..
สำหรับในกรณีของผู้ถามและแฟน หากรับความเสี่ยงไม่ได้ที่อาจตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% แม้จะรับประทานยาคุมฉุกเฉินเร็วและครบขนาด หากยังไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ สามารถไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงได้ค่ะ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงมาก ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น อีกทั้งยังมีผลคุมกำเนิดได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ จึงสามารถใช้เป็นวิธีคุมกำเนิดปกติต่อไปได้เลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คุณหมอครับ ถ้าแฟนเมนส์มาภายใน 7 วันหลังจากทานยา คือไม่ท้องใช่ไหมครับ?
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ในกรณีที่ไม่ต้้งครรภ์ ผู้ใช้มากกว่า 90% จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติเดิม หรือคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้าก็ได้) ไม่เกิน 4 วันนะคะ ซึ่งประจำเดือนปกติก็ควรจะมีปริมาณมากจนชุ่มผ้าอนามัย 2 - 3 แผ่น/วัน และมาต่อเนื่องกัน 3 - 7 วันค่ะ
แต่ถ้าเป็นเลือดที่เกิดจากผลข้างเคียงของยา จะเป็นหยดเลือดซึม หรือเลือดกะปริบกะปรอย และอาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน หรืออาจไม่พบเลยก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร
ดังนั้น หากเลือดที่ออกมาเป็นประจำเดือนจริง ๆ ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วค่ะ
แต่ถ้าเลือดที่ออกมาเป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา จะยังบอกไม่ได้นะคะว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ คงต้องรอดูต่อไปว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือเปล่า หรือถ้าไม่มั่นใจ ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบทางปัสสาวะ ในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีครับคุณหมอ ผมมีอะไรกับแฟนตอนเวลา 19.00 ของวันที่ 16 เมษายนครับ หลั่งใน ไม่ใส่ถุงยาง แฟนกินยาคุมฉุกเฉินเม็ดแรกเวลา 22.30 ของวันที่ 18 เมษายน แล้วก็เม็ดที่สองเวลา 9.30 ของวันที่ 19 เมษายนครับ วันแรกที่ประจำเดือนออก(วันแรกที่เลือดประจำเดือนไหล)ของรอบล่าสุด คือวันที่ 31 มีนาคมครับ แอ็พในโทรศัพท์แฟนที่ track ประจำเดือนบอกว่าแฟนตกไข่วันที่ 18 เมษายนครับ แต่แฟนบอกว่า แอ็พในโทรศัพท์มันก็บอกเวลาไม่ตรงหลายรอบ แล้วแฟนเป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่ค่อยตรงกันด้วยครับ อยากจะถามว่า แฟนมีโอกาศที่จะไม่ท้องไหมครับ เพราะหลายเว็ปบอกไม่ตรงกัน โดยที่ https://www.pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/54/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%89%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/ บอกผมว่าประสิทธิภาพในการป้องกันของยาคุมฉุกเฉินก็ยังเป็น 75% แต่อีกเว็ปนึงผมหาไม่เจอแล้วครับ อ่านเมื่อคืน อ่านมาว่าถ้าไข่มันตกไปอยู่ในท่อของรังไข่แล้ว ต่อให้กินยาคุมฉุกเฉินทันทีหลังจากหลั่งในก็ท้อง ผมกังวลเรื่องนี้มากเลยครับ ไม่อยากให้แฟนท้อง ยังไม่พร้อม รบกวนคุณหมอช่วยตอบด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)