ถ้าเราใช้ลิ้นกับอวัยวะเพศฝ่ายหญิง แล้วมีน้ำออกมา มีโอกาสเสี่ยงไหมครับ (แต่ไม่มีแผลสดในช่องปาก)

สวัสดีครับ
ถ้าหากหมายถึงการติดเชื้อ HIV การมีเพศสัมพันธ์โดยการทำออรัลเซ็กซ์ให้ฝ่ายหญิงจะมีโอกาสติดเชื้อ HIV ได้ 0.04% ครับ

ในกรณีที่ไม่มั่นใจว่าอีกฝ่ายมีการติดเชื้อ HIV อยู่หรือไม่ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินความเสี่ยงและพิจารณาให้ยาต้านไวรัสมารับประทานเพื่อป้องกันการติดเชื้อภายใน 72 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ครับ

แต่ถ้าหากมั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่มีการติดเชื้อ HIV แน่นอน ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดเชื้อครับ

ถ้าไม่มีแผลก็ไม่ติดครับ

ถ้ากังวลหรืออยากตรวจเพื่อความเเน่นอน

หลังจากมีพฤติกรรมเเสี่ยงประมาณ 5-7 วัน ก็สามารถไปตรวจได้ครับ เช่นที่ คลินิคนิรนาม
หรือ รพ รัฐ เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่ตรวจได้เกือบหมดครับ

โดย หลังจากได้รับเชื้อ ในช่วงแรก สารพันธุกรรมของไวรัส (RNA และ DNA) ก็แบ่งตัวจะขยายจำนวนเพิ่มขึ้นจนมากพอที่เราสามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่า NAAT (nucleic acid amplification testing) ตรวจได้หลังมีพฤติกรรมเสี่ยง 5-7 วัน
อาจใช้เวลา 1-2 วันรอผลครับ แล้วเเต่ที่

หลังจากนั้นจะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย เช่น ตรวจหาAntigen(p24) Antibodyซึ่งคือภูมิคุ้มกันที่ร่างกายมีต่อเชื้อ(Anti HIV) ซึ่งมักตรวจได้หลังรับเชื้อประมาณ 1 เดือนขึ้นไป(ถ้าเป็นน้ำยา4th genจะตรวจเจอได้เร็วกว่า) โดยทั่วไปเเนะนำว่าจะเจอหลังติดเชื้อ3เดือน (พ้นระยะฟักตัว) อันนี้รู้ผลเร็วภายในวันนั้นเลยครับ

กรุงเทพมหานครสามารถรับบริการตรวจเอชไอวีฟรีได้ที่
• ตรวจฟรีไม่ต้องแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน
- โรงพยาบาลบางรัก
- คลีนิคนิรนาม สภากาชาดไทย
- คลินิกชุมชนสีลม @ทรอปเมด
- คลินิกพิเศษของศูนย์ดรอปอิน
- คลินิกพิเศษฟ้าสีรุ้ง ซอยรามคำแหง 87
• ตรวจฟรีแต่ต้องแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วไป
ในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ สามารถรับบริการตรวจเอชไอวีได้ที่
- โรงพยาบาลรัฐทั่วไป (ตรวจฟรีโดยแจ้งเลขบัตรประชาชน)
- โรงพยาบาลหรือคลินิกเอกชน (เสียค่าใช้จ่าย)

ต่างจังหวัด
• ตรวจฟรีโดยแจ้งหมายเลขบัตรประชาชน ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งครับ

ขออนุญาตอธิบายข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดความชัดเจนที่มากขึ้นนะครับ

ในกรณีที่ฝ่ายหญิงมีการติดเชื้อ HIV อยู่ ในน้ำหล่อลื่นจากช่องคลอดนั้นจะมีจำนวนเชื้อ HIV อยู่ในปริมาณมากพอที่จะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ครับ โดยที่เชื้อนี้จะสามารถติดต่อได้ผ่านทางการเข้าไปสัมผัสกับบาดแผลหรือเยื่อบุอ่อนในร่างกาย ซึ่งในช่องปากก็มีเยื่อบุอ่อนเหล่านี้อยู่ด้วย

ในกรณีนี้จึงถือว่ามีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HIV ได้แม้จะไม่มีแผลในปากครับ