มีอาการแบบไม่อยากทำอะไร​ เบื่อหน่าย​ไปหมด​นอนไม่หลับ​ ​เบื่ออาหาร​ ​ไม่อยากคุยกะใคร​ หงุดหงิด​ง่าย​บ่อยๆ​ ร้องไห้ทำร้าย​ตัวเอง

สวัสดีครับ
อาการเบื่อ ไม่อยากทำอะไร ร้องไห้ง่าย นอนไม่หลับ เบื่ออาหารติดต่อกันเป็นเวลานานนั้นอาจเป็นอาการที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้ครับ

อาการของโรคซึมเศร้านั้นจะประกอบด้วยการมีอารมณ์เศร้าหดหู่หรือเบื่อหน่ายไม่อยากทำอะไรต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์ร่วมกับมีอาการ
- นอนไม่หลับหรืออยากนอนมากขึ้น
- เบื่ออาหารหรืออยากอาหารมากขึ้น
- อ่อนเพลียไม่มีแรง
- ไม่มีสมาธิ ความคิด ความจำแย่ลง
- คิดช้าทำช้าลงหรือกระสับกระส่ายมากขึ้น
- มีความคิดในแง่ลบ คิดโทษตัวเองบ่อยๆ หรือเห็นคุณค่าในตนเองลดลง
- เคยคิดหรือลงมือทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย
ถ้าหากมีอาการในลักษณะนี้หลายๆข้อ ร่วมกับอาการที่เป็นส่งผลรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ก็จะมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้นครับ

ในเบื้องต้นนั้นอาจลองทำแบบทดสอบตามลิงค์นี้เพื่อประเมินความเสี่ยงในการเป็นโรคซึมเศร้าด้วยตนเองก่อนได้ครับ

http://www.prdmh.com/แบบประเมินโรคซึมเศร้า-9-คำถาม-9q.html

ถ้าหากทำได้ตั้งแต่ 7 คะแนนขึ้นไปก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้าได้มากขึ้น

หมอแนะนำว่าในเบื้องต้นนั้นควรไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อน เพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

ส่วนในระหว่างนี้หมอก็แนะนำให้พยายามหากิจกรรมที่ขอบและผ่อนคลายทำ พยายามออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงอาจลองหาเพื่อนที่ไว้ใจมาช่วยรับฟังแบ่งเบาเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจบ้างก็อาจช่วยให้อาการดีขึ้นได้บ้างครับ

น่าจะเป็นอาการของภาวะซึมเศร้าครับ
เบื้องต้นแนะนำให้ หาเวลาออกกำลังกาย เช่น วิ่ง เต้นแอโรบิค, ดูภาพยนตร์ตลกหรืออ่านหนังสือการ์ตูนตลก, ระบายผ่อนคลายความเครียดบ้าง เช่น ร้องไห้ ตะโกน เขียนระบายความรู้สึก, พูดคุยกับคนที่ไว้ใจ จะทำให้ลดความเครียด ความกังวลได้ครับ และสุดท้ายคือ มองโลกในแง่ดี คิดว่าทุกปัญหามีทางแก้ครับ ส่วนโทรปรึกษาจะมีสายด่วนสุขภาพจิต โทร. 1323 ได้ครับ
โดยแบบประเมินโรคซึมเศร้ามีดังนี้ครับ
จะมีอาการดังต่อไปนี้ 5 อาการขึ้นไป โดยอาการมีดังนี้

1. อารมณ์ซึมเศร้า (เด็กและวัยรุ่นอาจจะเป็นอารมณ์หงุดหงิดแทนได้ครับ)
2. มีความสนใจในกิจกรรมต่างๆ แทบทั้งหมดลดลงมาก
3. นํ้าหนักลดลงหรือเพิ่มขึ้นมาก (โดยเปลี่ยนแปลงมากกว่าร้อยละ 5 ต่อเดือน) หรือเบื่ออาหารหรือเจริญอาหารมากขึ้น
4. กระวนกระวาย หรือดูเชื่องช้าลง
5.นอนไม่หลับ/หลับมากไป
6. อ่อนเพลีย ไม่มีแรงแรง
7. มีสมาธิลดลง ใจลอย หรือลังเลใจ
8.รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า
9. มีความคิดเรื่องการตาย คิดอยากตาย

จะต้องมีอาการในข้อ 1 หรือ 2 อย่างน้อย 1 ข้อ และมีอาการเป็นอยู่นาน 2 สัปดาห์ขึ้นไป และควรมีอาการเหล่านี้แทบจะตลอดเวลาครับ

ดีที่สุดน่าจะไปพบแพทย์เฉพาะทาง ทางด้านจิตใจ(จิตแพทย์)โดยเฉพาะครับ เพราะจะได้วินิจฉัยแยกโรคอื่นๆที่มีอาการคล้ายกัน เช่น ภาวะเศร้าการปรับตัวไม่ได้จากปัญหาที่มากระทบจิตใจ หรือ ภาวะวิตกกังวลครับ และคุณหมอจิตแพทย์จะชำนาญในการรักษาและให้ยา อีกทั้งจะได้ให้คำแนะนำและติดตามอาการครับ

ในกรณีที่ยังไม่พร้อมที่จะบอกคนที่บ้านก็สามารถลองไปพบจิตแพทย์ด้วยตัวเองก่อนได้ครับ ในกรณีนี้หมออยากให้คุณรักษาสภาพจิตใจของตนเองให้ดีขึ้นเป็นหลักก่อน

การไปพบจิตแพทย์นั้นสามารถไปพบด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีคนในครอบครัวไปได้ครับ

หากมีอาการเข้าข่ายซึมเศร้า อยากให้หนูพบจิตแพทย์นะคะ เพราะซึมเศร้าสามารถรักษาให้อาการดีขึ้นได้ด้วยยาร่วมกับการทำจิตบำบัด จริงๆแล้วโรคทางด้านอารมรืสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ใช่โรคแปลกประหลาดอะไรเลย เพราะโรคเหล่านี้มีสาเหตุหลักจากสารเคมีในสมองหลั่งไม่สมดุล จะเกิดขึ้นกับใคร เมื่อไหร่ก็ได้ แต่สิ่งสำคัญเมื่อมีอาการเกิดขึ้นแล้วก็ต้องให้แพทย์เฉพาะทางได้ประเมินอาการ ให้การรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมต่อไปนะคะ หากปล่อยไว้ให้อาการรุนแรงมากขึ้น ตัวโรคจะพัฒนาและรักษาได้ยากขึ้นค่ะ