August 17, 2019 20:03
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
กาย-จิตใจ ทำงานประสานกัน
การมีความเครียดวิตกกังวลที่มากเกินระดับปกติ จะกระตุ้นให้ระบบประสาทอัตโนมัติในร่างกายทำงานไวเกินไป ส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติแสดงออกทางกาย ไดแก่ ใจสั่น ใจเต้นเร็ว หายใจเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม แน่นหน้าอก มือ เท้าชา หน้ามืด เป็นลม ได้ค่ะ ผู้ป่วยบางรายจะไม่เข้าใจกลไกการเกิดอาการผิดปกติเหล่านี้ เมื่อมีอาการทางกายผิดปกติ ก็จะยิ่งวิตกกังวลกลัวมากขึ้น กลัวว่าจะมีอาการรุนแรงจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นโดยที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน เวลาใด ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวเพราะกลัวจะมีอาการ ซึ่งอาการดังกล่าวเราเรียกว่า แพนิค ค่ะ
การรักษาแพนิค จะรักษาด้วยยา เพื่อช่วยลดความวิตกกังวล ร่วมกับการฝึกกำหนดลมหายใจหรือการฝึกผ่อนคลายความเครียด
และเมื่อมีอาการให้แก้ไขด้วยการ ตั้งสติ หามุมสงบๆ กำหนดลมหายใจเข้าออก ช้าๆลึกๆ บอกตัวเองว่า อาการดังกล่าวไม่อันตราย หากเราควบคุมลดความวิตกกังวลได้อาการทุกอย่างก็จะสงบลง หายใจเข้าออกลึกๆไปเรื่อยๆ จะช่วยให้อาการสงบลงได้ค่ะ
โรคแพนิคอาจต้องใช้เวลาในการรักษาที่ต่อเนื่อง ในบางรายที่อาการดีขึ้นแล้วมักจะหยุดยาเอง ตัวโรคมีโอกาสกำเริบซ้ำได้ค่ะ
ดังนั้นในกรณีนี้แนะนำพบจิตแพทย์ ประเมินอาการเพิ่มเติม วินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แล้วรับการรักษาตามแนวทางที่เหมาะสมต่อไปนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ขอบคุณคุณหมอมากๆครับ 🙏🏻
ตอบโดย
ฉัตรดนัย
ศรชัย
(นักจิตวิทยาการปรึกษา)
Rehabilitation in Mental Health & Addiction
สวัสดีครับ
จากที่เล่ามาจะเห็นได้อย่างหนึ่งนะครับว่าเริ่มมีในเรื่องของอาการวิตกกังวลที่เกิดขึ้น และเคยมีประสบการณ์ของอาการ panic attack อยู่แล้ว ทั้งยังมีในเรื่องของอาการปวดท้อง ซึ่งเป็นอาการที่พบได้เช่นกัน ในผู้ที่มีภาวะค่อนข้างวิตกกังวลและมีความคิดเยอะ ซึ่งจากการตรวจคลื่นหัวใจแล้ว หากพบว่าไม่ได้มีอาการอะไรที่ชัดเจน แต่ยังมีความวิตกกังวลอยู่ อันนี้เป็นไปได้มากนะครับว่าจะเป็นภาวะทางจิตใจมากกว่าที่ยึดติดกับอาการที่เกิดขึ้น และอาจจะทำให้เกิดความกลัวขึ้น ซึ่งก็จะต่อยอดไปเป็น panic attack ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งภาวะกลัวการ panic ที่เรียกว่า panic disorder ได้เช่นกันครับ
ดังนั้นในเบื้องต้นเลยอยากจะให้ลองปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาเพื่อทำการประเมินและอาจจะได้รับการช่วยเหลือในการรับมือกับภาวะวิตกกังวลหรือ อาการกลัว panic ที่เกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่าหากได้ทำงานกับผู้เชี่ยวชาญไปซักระยะหนึ่ง คุณก็จะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้กับอาการที่เล่ามาครับ
นอกจากการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญแล้ว ก็ควรที่จะหันกลับมาดูแลตนเองให้มากขึ้นในด้านของการลองทำกิจกรรมที่เคยสนใจหรือทำแล้วรู้สึกว่าทำให้ผ่อนคลายหรือทำให้รู้สึกดีขึ้นได้บ้าง หาเวลาให้ตนเองรู้สึกสงบ รู้สึกดี หรือสนุกผ่อนคลาย และแบ่งเวลาไปอยู่กับสิ่งๆนั่นครับ นอกจากนั้นอาจจะลองมองดูกิจกรรมที่สามารถทำเป็นประจำได้เช่น การออกลังกาย การฟังเพลง หรือการทำงานอดิเรกบางอย่าง ทานอาหารให้ครบหมู่ ออกไปทานของอร่อยๆบ้าง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนช่วยให้ความรู้สึกของคุณค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป และช่วยให้ความเครียดลดลงได้ ซึ่งจะเป็นการลดโอกาสในการเกิดอาการ panic เมื่อเราเจอกับสิ่งกระตุ้นได้ครับ ซึ่งการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญและการดูแลตนเองที่ถูกวิธีจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวครับ
สุดท้ายนี้หากมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถสอบถามเข้ามาได้นะครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ไม่มั่นใจว่าตัวเองเป็นอะไรกันกันแน่ครับ ระหว่าง กรดไหลย้อน / แพนิค / โรควิตกกังวัล / หัวใจ... เพราะอาการมันคล้ายที่จะเป็นได้หมดทุกโรคเลยครับ แต่ที่มั่นใจว่าเป็นแน่คือ แพนิค กับ กรดไหลย้อน อาการที่เจอ คือ เครียด วิตกกังวลกับทุกๆอย่าง กลัวตาย ชอบคิดถึงอนาคต คิดซ้ำๆเรื่องเดิมๆ เป็นคนคิดมาก และ จริงจังกับชีวิตมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ อาจจะกลายเป็นเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว แต่สมัยก่อนมันยังพอสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เพราะไม่ได้เป็นบ่อย แต่มาตอนนี้เป็นบ่อยเลยครับ คือ พอเวลากินข้าวเสร็จ เหมือนอาหารมันไม่ย่อย จุกไปหมด ต้องคอยเรอ คอยกินขมิ้นชันให้มันเรอ พอเป็น มันจะเริ่มวิตก พอวิตกมันก็จะเริ่มกลัว ใจก็จะเริ่มสั่น เริ่มเต้นผิดจังหวะ ไปตรวจ EKG ก็ปกติ (ไปตอนหายแล้ว) นอนตอนกลางคืนก็ชอบกังวล คิดโน่นคิดนี่ พอเริ่มวิตก อาการเดิมก็มาครับ เหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ แต่พอตั้งสติได้ บอกตัวเองว่าไม่ตาย ไม่เป็นรัย สักพักประมาณ 20-30 นาทีก็จะหายไปเองครับ จากที่เป็นคนชอบออกไปเดินไปวิ่ง ก็กลายเป็นกลัวไปเลยครับ ไม่กล้าวิ่งเหมือนเดิม กลัวใจสั่น กลัวแพนิค กลัวไปหมดทุกอย่าง เคยตรวจ EKG หลายหน ก็ปกติ แต่จะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ประตรวจตอนหัวใจเต้นผิดจังหวะ (ตอนนั้นไม่รู้ว่าตัวเองเป็นแพนิค เมื่อ 2 ปีก่อน) หมอก็ให้แอดมิดอยู่คืน 1 เพื่อหาสาเหตุ และ ตรวจหาไทรรอยด์ด้วย แต่ก็ปกติ หมอเลยให้แค่ยาลดการเต้นผิดจังหวะมากิน และให้กลับบ้าน และก็ไม่เคยเป็นอีกเลยตลอด 2 ปีจนถึงตอนนี้ที่อาการกลับมาอีกรอบ แต่ไม่ได้เป็นหนักเหมือนเมื่อก่อน แค่เต้นผิดจังหวะนิดหน่อยหลังกินข้าวแล้วอาการไม่ย่อยแล้วมีอาการวิตกกังวล แต่ถ้าวันไหน มื้อไหน กินแล้วไม่จุกมาก ไม่แน่นมาก ไม่มีอะไรให้วิตกกังวล อาการก็จะไม่เกิดครับ และก็มีอีกอาการครับ เวลานอนตอนกลางคืน เวลาได้ยินอะไรเสียงดังแล้วตกใจตื่น ตัวจะชา เย็นวาบๆ หัวใจเต้นไว แต่พอสักพัก ทำใจให้สบาย ก็จะหายไปเอง (แต่พักหลังไม่ค่อยเป็น เพราะความเครียด ความวิตกกังวลมันไม่เยอะเหมือนอาทิตย์ก่อนๆ) หมอพอจะวินิจฉัยได้ไมครับว่า นี่คือ โรคอะไร และควรจะเริ่มไปรักษาหรือตรวจอะไรก่อนครับ ** อาการหัวใจเต้นไว ใจสั่น หรือ เต้นผิดจังหวะ เวลาแพนิค หรือ กังวล จะไม่มีอาการอื่นร่วมด้วยเช่น เวียนหัว แน่นหน้าอก จะเป็นลม หายใจติดขัด ทุกอย่างปกติดีครับ เพียงแค่หัวใจเต้นผิดจังหวะเฉยๆ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)