October 14, 2019 15:08
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
ถ้าหากได้มีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยแล้วก็ไม่จำเป็นต้องป้องกันการตั้งครรภ์ด้วยวิธีใดเพิ่มอีกเนื่องจากมีความปลอดภัยจากการตั้งครรภ์สูงอยู่แล้วครับ โดยถ้าหากใช้ถุงยางอนามัยได้อย่างถูกต้องโอกาสตั้งครรภ์ก็จะมีได้เพียง 2% เท่านั้น
อย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการให้มีความปลอดภัยที่มากขึ้นสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ในอนาคตก็อาจรับประทานยาคุมแบบรายเดือนร่วมด้วยได้ครับ โดยการเริ่มรับประทานยาคุมแบบรายเดือนั้นสามารถเริ่มได้ 2 วิธี คือ
1. เริ่มรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน วิธีนี้จะทำให้ยาคุมมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับประทานยา
2. เริ่มรับประทานยาในทันทีโดยไใ่ต้องรอประจำเดือน ในกรณีนี้จะต้องรับประทานยาคุมติดต่อกันให้ได้อย่างน้อย 7 วันก่อนยาคุมจึงจะเริ่มออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ และในช่วง 7 วันแรกของการรับประทานยาคุมก็จะต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยไปก่อนครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ถ้าใช้ถุงยางถูกต้องและไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียงแค่ 2% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล จึงไม่จำเป็นจะต้องให้แฟนใช้ยาคุมให้เกิดผลข้างเคียงจากยาโดยไม่จำเป็นนะคะ
อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้ยาคุมรายเดือนร่วมด้วย ก็สามารถทำได้ค่ะ ซึ่งในกรณีที่แฟนของผู้ถามไม่ได้มีโรคประจำตัวหรือข้อจำกัดใด ๆ ในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด ก็สามารถรับประทานยาคุมรายเดือนยี่ห้อใดก็ได้ เพราะทุกยี่ห้อมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ไม่แตกต่างกันถ้าผู้ใช้รับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ
โดยถ้าเริ่มรับประทานแผงแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานนะคะ
แต่ถ้าใช้ไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว (เช่น ถ้าแฟนของผู้ถามต้องการเริ่มใช้โดยไม่ต้องการรอให้ประจำเดือนมาก่อน) ถ้าไม่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้ค่ะ
ถ้าใช้ยาคุมถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ โอกาสตั้งครรภ์ก็จะมีเพียง 0.3% นะคะ
เมื่อใช้หมดแผง หากไม่ต้องการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้ต่อไป ก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อยาคุมแผงใหม่แล้วค่ะ
ถ้าใช้ยาคุมถูกต้องและไม่ตั้งครรภ์ ประจำเดือนจะมาในช่วงปลอดฮอร์โมนนะคะ เช่น ถ้าใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาหลังใช้ยาคุมหมดแผง โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย
แต่ถ้าใช้ยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมแบบ 28 เม็ด ประจำเดือนก็จะมาในช่วงที่รับประทาน "เม็ดแป้ง" โดยมักจะมาหลังใช้ "เม็ดยาฮอร์โมน" หมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แล้วต้องทานยาคุมอีกนานไหมครับ คือจะมีอะไรกันแค่ครั้งเดียวครับ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
แม้ว่าจะสามารถหยุดใช้ยาคุมรายเดือนได้เลยเมื่อไม่ต้องการผลในการคุมกำเนิดต่อแล้ว แต่แนะนำให้ใช้ต่อเนื่องจนหมดแผง เพื่อไม่ให้ฮอร์โมนแปรปรวนซึ่งอาจทำให้ประจำเดือนคลาดเคลื่อนจนคาดการณ์ได้ยากนะคะ
เมื่อรับประทานจนหมดแผงแล้ว ก็ควรจะมีประจำเดือนมาในช่วงปลอดฮอร์โมนตามที่แนะนำไปข้างต้น ซึ่งเมื่อประจำเดือนมาแล้วก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านั้นไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์แล้วนั่นเอง ดังนั้น ถ้าคาดว่าจะไม่มีเพศสัมพันธ์อีก ก็ไม่จำเป็นจะต้องต่อยาคุมแผงใหม่แล้วค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
คือจะป้องกันโดยการใส่ถุงยางอยู่แล้วครับ แต่อยากให้ชัวร์เลยจะกินยาคุมเพิ่มไปด้วย อยากทราบว่าควรกินยาคุมตัวไหน กินตอนไหน แล้วกินนานไหมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)