ยาต้านฮิสตามีน เป็นกลุ่มยาที่ใช้ในการรักษาอาการภูมิแพ้ต่างๆ เช่น อาการคัดจมูก น้ำตาไหล หรือลมพิษ ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งผลของฮิสตามีนซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเมื่อเกิดอาการแพ้ มีหลายรูปแบบ ได้แก่ แบบเม็ด แคปซูล ยาน้ำ ยาหยอดตา ยาฉีด และยาพ่นจมูก สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งยา
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ประเภทของยาต้านฮิสตามีน
ยาต้านฮิสตามีนที่มักใช้บ่อย ประกอบด้วย
- Allegra (fexofenadine)
- Astelin and Astepro (azelastine) nasal sprays
- Atarax and Vistaril (hydroxyzine)
- Benadryl (diphenhydramine)
- Chlor-Trimeton (chlorpheniramine)
- Clarinex (desloratadine)
- Claritin and Alavert (loratadine)
- Cyproheptadine
- Dimetane (brompheniramine)
- Emadine (emedastine) eye drops
- Livostin (levocabastine) eye drops
- Optivar (azelastine) eye drops
- Palgic (carbinoxamine)
- Xyzal (levocetirizine)
- Tavist (clemastine)
- Zyrtec (cetirizine)
ผลข้างเคียงของยาต้านฮิสตามีน
ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของยาต้านฮิสตามีน ได้แก่
- ง่วงนอน
- มึนศีรษะ
- ปากแห้ง คอแห้ง
- เพิ่มความอยากอาหาร
- ปวดท้อง
- น้ำมูกเหนียวขึ้น
- มีความเปลี่ยนแปลงในการมองเห็น
- รู้สึกกระวนกระวาย ตื่นเต้น หรืออยู่ไม่สุข
ข้อควรระวังในการใช้ยาต้านฮิสตามีน
ผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้ ควรแจ้งแพทย์หรือปรึกษาเภสัชกรก่อนใช้ยาต้านฮิสตามีนทุกครั้ง
- โรคเบาหวาน
- ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนสูง
- โรคหัวใจ
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคต้อหิน
- โรคลมชัก
- ต่อมลูกหมากโตหรือมีปัญหาในการปัสสาวะ
ควรปฏิบัติตามวิธีการใช้ยาที่ระบุไว้บนใบสั่งยาหรือภายในกล่องผลิตภัณฑ์อย่างระมัดระวัง และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานผลองุ่นหรือน้ำองุ่นระหว่างใช้ยาต้านฮิสตามีน เนื่องจากอาจมีผลต่อการทำงานของยา