Ammonia

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการตรวจ Ammonia ทางเลือด เพื่อวินิจฉัยว่าผู้เข้ารับการตรวจเป็นโรคตับระดับรุนแรง มีภาวะไตวาย หรือมีภาวะในกลุ่มอาการเรย์หรือไม่
เผยแพร่ครั้งแรก 23 พ.ค. 2019 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
Ammonia

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการตรวจ Ammonia ทางเลือด เพื่อวินิจฉัยว่าผู้เข้ารับการตรวจเป็นโรคตับระดับรุนแรง มีภาวะไตวาย หรือมีภาวะในกลุ่มอาการเรย์หรือไม่

การตรวจ Ammonia จากเลือด ทำเพื่อตรวจดูความผิดปกติของตับ หรือภาวะอื่นๆ ที่ทำให้ตับไม่สามารถกำจัดแอมโมเนียออกจากร่างกายได้ ทำให้เกิดภาวะแอมโมเนียเป็นพิษ ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อสมอง จนถึงขั้นทำให้เกิดภาวะโคม่า และเสียชีวิตได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ชื่ออื่น: NH3

ชื่อทางการ: Ammonia, plasma

จุดประสงค์ของการตรวจ Ammonia

แพทย์อาจตรวจแอมโมเนียจากเลือด โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

  • ตรวจหาระดับของแอมโมเนียในเลือดที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจเกิดจากการเป็นโรคตับระดับรุนแรง ภาวะไตวาย กลุ่มอาการเรย์ (Reye syndrome) ที่ทำให้เกิดความเสียหายในสมองและตับ หรือความผิดปกติทางพันธุกรรมในวงจรยูเรีย (Urea Cycle Disorders) ที่พบได้ไม่บ่อย
  • หาสาเหตุของการมีพฤติกรรมและความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

แอมโมเนียเป็นของเสียที่ร่างกายผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยทั่วไปแล้วเกิดจากแบคทีเรียในลำไส้เล็กที่ย่อยสลายโปรตีน หากเกิดความผิดปกติที่ตับ จนไม่สามารถกำจัดแอมโมเนียออกจากร่างกายได้ แอมโมเนียส่วนเกินก็สามารถสะสมภายในเลือด และส่งผ่านไปยังสมอง ซึ่งทำให้เกิดภาวะเป็นพิษ

แพทย์อาจสั่งให้ตรวจแอมโมเนียควบคู่กับการตรวจอื่นๆ เช่น กลูโคส อิเล็กโทรไลต์ และการทำงานของไต เพื่อช่วยวินิจฉัยสาเหตุของอาการโคม่า สนับสนุนการวินิจฉัย Reye Syndrome หรือภาวะสมองเสื่อมจากโรคตับที่เกิดจากโรคตับหลายชนิด

เมื่อไรที่ต้องตรวจ Ammonia?

แพทย์อาจสั่งให้ตรวจแอมโมเนีย เมื่อทารกแรกคลอดมีอาการเหล่านี้ภายในไม่กี่วันหลังคลอด

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

นอกจากนี้เด็กอาจต้องได้รับการตรวจแอมโมเนียเมื่อมีอาการเหล่านี้ประมาณ 1 สัปดาห์หลังจากที่ป่วยด้วยโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ โรคอีสุกอีใส หรือในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าเด็กเป็น Reye Syndrome

แพทย์อาจตรวจระดับของแอมโมเนียในผู้ใหญ่มีสุขภาพจิตเปลี่ยนไป งุนงง สับสน ขี้เซา ไม่รู้สึกตัว เพื่อประเมินสาเหตุที่ทำให้การรับรู้เปลี่ยนไป นอกจากนี้แพทย์อาจสั่งให้ตรวจระดับของแอมโมเนียควบคู่กับตรวจการทำงานของตับในผู้ที่เป็นโรคตับ

วิธีเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจ Ammonia

แพทย์จะตรวจ Ammonia จากเลือดโดยการแทงเข็มเข้าไปในเส้นเลือดดำในแขน ซึ่งผู้เข้ารับการตรวจควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ก่อนเข้ารับการเก็บตัวอย่างเลือด

รายละเอียดการตรวจ Ammonia

แอมโมเนีย (Ammonia) เป็นของเสียที่แบคทีเรียในลำไส้เล็กผลิตระหว่างที่ย่อยโปรตีน หากแอมโมเนียไม่ถูกจัดการและกำจัดออกจากร่างกาย อาจทำให้เกิดการสะสมภายในเลือดจนเป็นพิษต่อร่างกายได้

โดยปกติแล้วแอมโมเนียจะถูกลำเลียงจากเลือดไปยังตับ และจะถูกแปลงเป็นสารที่เรียกว่า ยูเรีย (Urea) และกลูทามีน (Glutamine) จากนั้นยูเรียจะถูกลำเลียงไปยังไต และถูกกำจัดออกมาพร้อมกับปัสสาวะ หากแอมโมเนียไม่ถูกย่อยสลายอย่างสมบูรณ์ ก็จะทำให้เกิดการสะสมในเลือดและเคลื่อนเข้าสู่สมอง ทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมจากโรคตับ (Hepatic Encephalopathy)

ภาวะสมองเสื่อมจากโรคตับทำให้จิตใจและระบบประสาทเปลี่ยนไป ผู้ป่วยจะมีอาการสับสน เลอะเลือน และเซื่องซึม สุดท้ายก็จะไม่รู้สึกตัว และอาจเสียชีวิตได้ ในขณะที่ทารกและเด็กที่มีแอมโมเนียมากอาจอาเจียนบ่อย หงุดหงิด และมีอาการเฉื่อยชามากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาก็อาจทำให้มีอาการชัก หายใจลำบาก และอาจทำให้ไม่รู้สึกตัว

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ความหมายของผลตรวจ Ammonia

การมีความเข้มข้นของแอมโมเนียในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สามารถบ่งชี้ได้ว่าร่างกายไม่สามารถจัดการและกำจัดแอมโมเนียได้อย่างมีประสิทธิผล จึงอาจทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ในร่างกายขึ้น

เด็กและผู้ใหญ่ที่มีแอมโมเนียในเลือดมาก อาจบ่งชี้ได้ว่าตับหรือไตที่เสียหายอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบให้ร่างกายกำจัดแอมโมเนียได้แย่ลง จึงอาจทำให้สมองได้รับผลกระทบไปด้วย นอกจากนี้การเจ็บป่วยแบบเฉียบพลันหรือเรื้อรังจะเป็นตัวกระตุ้นให้แอมโมเนียเพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่ร่างกายกำจัดแอมโมเนียได้ยากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การมีแอมโมเนียระดับปกติ ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะสมองเสื่อมจากโรคตับ เพราะของเสียชนิดอื่นๆ สามารถทำให้สุขภาพจิตเปลี่ยนไปได้ ส่วนผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงบางประเภท เช่น Essential (ความดันโลหิตสูงโดยไม่รู้สาเหตุ) และ Malignant (ความดันโลหิตสูงมากที่เกิดแบบเฉียบพลันและรวดเร็ว) อาจมีระดับแอมโมเนียน้อยลง

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการตรวจ Ammonia

การมีปริมาณแอมโมเนียในเลือดเพิ่มขึ้น อาจพบได้ในผู้ที่มีภาวะต่างๆ ดังนี้

  • เลือดออกในทางเดินอาหาร: ภาวะที่เม็ดเลือดแตกตัวในลำไส้เล็ก
  • Muscular Exertion: กล้ามเนื้อผลิตแอมโมเนียเมื่อทำงานและดูดซึมเมื่ออยู่ในช่วงพัก
  • ใช้เครื่องห้ามโลหิต
  • ใช้ยาบางชนิด เช่น แอลกอฮอล์ ยาบาร์บิทูเรต ยาขับปัสสาวะ ยากรดวาลโปรอิก และยานาร์โคติก
  • สูบบุหรี่

ที่มาของข้อมูล

Ammonia (https://labtestsonline.org/tests/ammonia), 21 December 2018.


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Ammonia | NH3. U.S. National Library of Medicine National Center for Biotechnology Information. (https://pubchem.ncbi.nlm.nih.gov/compound/Ammonia)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป