ถ้าคุณเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย คุณอาจรู้สึกย่ำแย่แต่ก็ไม่น่ากลัวทั้งหมด มะเร็งปอดระยะสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร? จะรักษาได้อย่างไร? และจะได้รับการสนับสนุนตามความต้องการอย่างไร?
นิยามของมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
ส่วนมากเวลาที่แพทย์ใช้คำว่ามะเร็งปอดระยะสุดท้าย หมายถึงมะเร็งปอดระยะที่สามบีหรือระยะที่สี่ แม้ว่ามะเร็งปอดชนิดสมอลล์เซลล์ (Small cell lung cancer) สามารถลุกลามเป็นระยะสุดท้ายได้แต่ส่วนใหญ่เวลาที่แพทย์เฉพาะทางมะเร็งวิทยาใช้คำว่า“มะเร็งปอด” จะหมายถึงมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ (non-small cell lung cancer)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ซึ่งเป็น 85% ของมะเร็งปอดทั้งหมด โดยเหตุผลที่แบ่งมะเร็งปอดออกเป็นระยะต้นกับระยะท้ายนั้นเนื่องจากการรักษาที่แตกต่างกัน มะเร็งปอดระยะต้นนั้นการรักษาอันดับแรกคือการผ่าตัด ขณะที่การรักษาวิธีอื่น ๆ นั้นนิยมใช้ในระยะสุดท้ายของโรคอย่างน้อยในตอนแรก
ระยะของมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
ดังที่กล่าวไปแล้ว ว่ามะเร็งปอดระยะสุดท้าย มักหมายถึงมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ระยะที่สามบีและระยะที่สี่
- ระยะสามบี (Stage IIIB) - มะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ระยะที่สามบี หมายถึง ก้อนมะเร็งขนาดใดก็ได้ที่กระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองซึ่งอยู่ในทรวงอกด้านตรงข้ามใกล้กระดูกไหปลาร้า หรือมะเร็งกินอวัยวะอื่น ๆ ในทรวงอก เช่น หัวใจ หรือหลอดอาหาร
- ระยะที่สี่ (Stage IV) - มะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ระยะที่สี่ หมายถึง มะเร็งกระจายไปที่ช่องเยื่อหุ้มปอด (Malignant pleural effusion) หรือกระจายไปส่วนอื่นของร่างกาย ซึ่งมะเร็งส่วนใหญ่จะกระจายไปกระดูก ตับ สมอง หรือต่อมหมวกไต
อาการของมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
อาการของมะเร็งปอดระยะสุดท้ายอาจสัมพันธ์กับการปรากฏของก้อนมะเร็งในปอด และการกระจายไปยังอวัยวะต่างๆ (Metastasis)
อาการทางปอดที่พบบ่อยได้แก่ ไอเรื้อรัง หายใจไม่อิ่ม ไอเป็นเลือด และหายใจหอบวี้ด และมะเร็งอาจกดเส้นประสาทในทรวงอกทำให้มีเสียงแหบได้
เมื่อมะเร็งปอดโตขึ้นหรือกระจายมากขึ้นอาจเกิดอาการอ่อนเพลีย น้ำหนักลดเอง และเบื่ออาหาร มะเร็งปอดที่กระจายไปสมองอาจทำให้ปวดหัว พูดไม่ชัด ความจำเสื่อม และอ่อนแรง
หากกระจายไปตับก็จะปวดท้องและตัวเหลืองตาเหลือง ส่วนมะเร็งปอดที่กระจายไปกระดูกจะมีอาการปวดหลัง ปวดไหล่ และปวดซี่โครง
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การวินิจฉัย
มะเร็งปอดระยะสุดท้ายอาจตรวจพบเบื้องต้นได้จากเอ็กซเรย์หรือซีทีสแกน แต่การเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อปอดมาตรวจเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อจะบอกว่าความผิดปกตินั้นเป็นมะเร็งหรือไม่ และเป็นมะเร็งชนิดใด
สำหรับมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ระยะสุดท้ายนั้น การตรวจยีน (Gene profiling) หรือตรวจโมเลกุลสารพันธุกรรม (Molecular profiling) เป็นสิ่งสำคัญ ขณะที่การตรวจชิ้นเนื้อจากปอดแบบปกติก็จำเป็นเพื่อตรวจหายีนดังกล่าว
และในปี 2016 การตรวจชิ้นเนื้อแบบของเหลวได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อตรวจหาการกลายพันธุ์ของยีนอีจีเอฟอาร์ (EGFR)
ชนิดของมะเร็งระยะสุดท้าย
มะเร็งปอดชนิดสมอลล์เซลล์อาจเกิดเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายได้ แต่มีหลากหลายประเภท ส่วนมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ระยะสุดท้าย ได้แก่
- มะเร็งปอดชนิดอะดีโนคาร์ซิโนมา(Lung adenocarcinoma) ซึ่งเกิดขึ้นประมาณครึ่งหนึ่งของมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ และมะเร็งปอดชนิดนี้พบบ่อยที่สุดในผู้หญิง ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ และวัยรุ่น
- มะเร็งปอดชนิดสแควมัสเซลล์คาร์ซิโนมา (Squamous cell carcinoma) ซึ่งเกิดขึ้นประมาณ 30% ของมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์
- มะเร็งปอดชนิดลาร์จเซลล์คาร์ซิโนมา(Large cell carcinoma) เกิดประมาณ 10% ของมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์
- มะเร็งปอดชนิดอื่น ๆ จะพบว่ามะเร็งปอดชนิดที่กล่าวมานั้นรวมกันแล้วยังไม่ถึง 100% เนื่องจากมะเร็งปอดอาจมีลักษณะที่ก้ำกึ่งกันระหว่างชนิดต่าง ๆ ที่กล่าวไป เช่นอาจมีลักษณะเป็น “อะดีโนสแควมัส”(adenosquamous) หรือตำแหน่งของมะเร็งที่ต่างกันอาจมีลักษณะของมะเร็งมากกว่าสองชนิด
การรักษา
เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องกล่าวว่า การรักษามะเร็งปอดระยะสุดท้ายกำลังปรับปรุง และอัตรารอดชีวิตจากมะเร็งปอดระยะสุดท้ายกำลังดีขึ้น
ดังนั้นไม่ว่าข้อมูลสถิติหรือการรักษาใดๆ ที่ได้อ่านมานั้น ไม่ทันสมัยและอาจทำให้รู้สึกท้อแท้ เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ว่าคุณสามารถทำอะไรกับโรคของคุณได้บ้าง แต่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้วิธีหาข้อมูลออนไลน์
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันมีการรักษาโรคมะเร็งระยะท้ายใหม่ ๆ หลายวิธีระหว่างปี 2011-2015 ซึ่งมากกว่าช่วง 40 ปีที่ผ่านมาก่อนปี 2011 ซึ่งถือว่าเป็นความหวังอย่างมาก
ชนิดของการรักษา
ผู้ป่วยจะเริ่มมีส่วนร่วมในการรักษามะเร็งปอดมากกว่าที่ผ่านมา ไม่เหมือนความสัมพันธ์ของแพทย์กับผู้ป่วยแบบที่แพทย์เหมือนเป็นผู้ปกครองแบบแต่ก่อน
แต่แพทย์และผู้ป่วยจะร่วมกันออกแบบวิธีการรักษาที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ร่วมกัน สาเหตุส่วนหนึ่งคือปัจจุบันมีทางเลือกในการรักษามากกว่าและการตัดสินใจบางครั้งขึ้นกับความพึงพอใจของผู้ป่วย
ผลข้างเคียงของการรักษาที่ผู้ป่วยรับได้มากกว่าการเลือกวิธีการรักษาที่ดีกว่าวิธีใดวิธีหนึ่ง และอาจเป็นประโยชน์ที่จะแบ่งการรักษาออกเป็น 2 ประเภทง่าย ๆ คือ
- การรักษาเฉพาะที่ – การรักษาเฉพาะที่ของมะเร็งนั้นคือการรักษาเฉพาะตำแหน่งที่มะเร็งอยู่ ได้แก่ การฉายรังสีและการผ่าตัด
- การรักษาทุกส่วนของร่างกาย – การรักษาทุกส่วนมุ่งหวังเพื่อรักษามะเร็งไม่ว่าอยู่ส่วนใดของร่างกาย ได้แก่ เคมีบำบัด การใช้ยาจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง และภูมิคุ้มกันบำบัด
ตามนิยามของมะเร็งระยะสุดท้ายซึ่งมะเร็งจะไม่อยู่เฉพาะที่ ดังนั้นการรักษาต้องเป็นการรักษาทุกส่วน บางครั้งอาจสงสัยว่าทำไมการผ่าตัดจึงไม่แนะนำในระยะสามบีและระยะที่สี่ของมะเร็งปอด
เหตุผลคือการผ่าตัดและการฉายรังสีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษามะเร็งปอดที่แพร่กระจายไปแล้วได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องผ่าตัด มีผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแบบทุกส่วน ซึ่งจะลดขนาดของก้อนมะเร็งทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพ
และมะเร็งบางชนิดเช่นมะเร็งรังไข่ “การผ่าตัดลดขนาด” คือการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งบางส่วนออกบางส่วนซึ่งมีประโยชน์แต่มักไม่ค่อยทำในมะเร็งปอด ที่จริงแล้วการผ่าตัดจะเพิ่มความตึงเครียดให้กับร่างกายขณะที่ร่างกายต้องการความแข็งแรงเพื่อนทนกับการรักษา โดยการรักษาแบบทุกส่วนของร่างกายได้แก่
การใช้ยาจำเพาะต่อเซลล์มะเร็ง
ผู้ป่วยมะเร็งปอดชนิดนอน-สมอลล์เซลล์ระยะท้ายควรตรวจยีน (Gene profiling) หรือตรวจโมเลกุลสารพันธุกรรม (Molecular profiling) ของก้อนมะเร็ง ซึ่งทำโดยการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ
ปัจจุบันมีการพบความผิดปกติของโครโมโซมและการกลายพันธุ์ของยีนหลายแบบซึ่ง“จำเพาะต่อยา” มากกว่าการค้นพบที่ผ่านมา ความผิดปกตินี้บอกถึงความผิดปกติของเซลล์มะเร็งหรือสัมพันธ์กับเซลล์มะเร็งที่ทำให้จำเพาะต่อยาบางตัว โดยถ้ามีการกลายพันธุ์ของยีนอีจีเอฟอาร์ (EGFR mutation) การรวมกันของยีนเอแอลเค (ALK fusion gene) หรือการเรียงลำดับยีนที่ผิดปกติของอาร์โอเอสวัน (ROS1 rearrangement) ซึ่งจำเพาะต่อยาบางตัว
และการศึกษาวิธีรักษาแขนงนี้มีแนวโน้มขยายตัวอย่างรวดเร็วในปีหน้า ถ้าการตรวจโมเลกุลสารพันธุกรรมไม่คล้ายคลึงกับที่กล่าวมาคราวปรึกษาแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งวิทยา
เคมีบำบัด
เคมีบำบัดเป็นการรักษาหลักในมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ซึ่งจะช่วยยืดอายุขัยของผู้ป่วย มีการใช้ยาผสมกันหลายชนิดแต่ยาส่วนใหญ่มีส่วนผสมของ “แพลทินัม” เช่น ยาแพลทนอล (Platinol) มีชื่อการค้าว่าซิสพลาทิน (Cisplatin)
ภูมิคุ้มกันบำบัด
ถ้าเคยดูข่าวหรืออ่านนิตยสารอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบำบัด การรักษาแบบภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นการรักษาที่น่าตื่นเต้นอย่างมาก ในการรักษามะเร็งระยะท้ายซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยได้ยินมาในอดีต โดยการรักษานี้เชื่อว่าเป็นการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งในวิธีที่ต่างออกไป
และยาตัวแรกในประเภทนี้ที่ใช้รักษามะเร็งปอดได้รับอนุญาตให้ใช้ในปี 2015 และยังมียาอีกหลายชนิดกำลังพัฒนาขึ้นซึ่งอยู่ในช่วงการทดลองทางคลินิก
การทดลองทางคลินิก
สถาบันมะเร็งแห่งชาติแนะนำว่าทุกคนที่เป็นมะเร็งระยะท้ายอาจพิจารณาเข้าร่วมการทดลองทางคลินิก แม้ว่าการทดลองทางคลินิกนั้นยังมีข้อที่ดูเร้นลับอยู่มาก แต่การทดลองทางคลินิกจะเสนอโอกาสให้ผู้ป่วยมะเร็งในระยะสุดท้ายได้ทดลองยาใหม่ ๆ ในการรักษาโรค
ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกสำหรับยาภูมิคุ้มกันบำบัดที่ได้รับอนุญาตในปี 2015 ได้ผลดีกว่าผู้ไม่ได้เข้าร่วมการทดลอง และควรระลึกว่าการรักษาใด ๆ ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้รักษามะเร็งปอดครั้งหนึ่งก็ต้องผ่านการทดลองทางคลินิกมาก่อน
ปัจจุบันมีการทดลองทางคลินิกมากกว่า 100 การทดลองเพื่อหาการรักษาใหม่ ๆสำหรับมะเร็งปอด และควรตรวจสอบว่าจะหาการทดลองทางคลินิกสำหรับมะเร็งปอดได้อย่างไรเช่นเดียวกับการทดลองทางคลินิกแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายที่ทำโดยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานด้านมะเร็งปอดหลาย ๆ หน่วยงาน
การรักษามะเร็งที่แพร่กระจาย
ในอดีตการรักษามะเร็งที่แพร่กระจายนั้นเหมือนกันทุกคน แต่ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นมะเร็งปอดแล้วแพร่กระจายไปสมองหรือตับถ้ามีจุดที่กระจายไม่กี่จุด
การรักษาคือใช้รังสีรักษาเฉพาะจุดซึ่งช่วยให้อายุยืนขึ้น ในรายที่เป็นมะเร็งปอดแพร่กระจายไปกระดูกจะมียาที่ใช้ซึ่งรู้จักกันดีคือ ยาบิสฟอสฟาเนท เช่นเดียวกับการใช้รังสีรักษาที่ช่วยควบคุมอาการปวด
การพยากรณ์โรค
เป็นเรื่องยากที่จะพยากรณ์โรคในมะเร็งปอดระยะสุดท้าย เนื่องจากต้องอาศัยข้อมูลทางสถิติที่รวบรวมจากการรักษามะเร็งปอดระยะสุดท้ายที่หลากหลายวิธี และข้อมูลล่าสุดที่รวบรวมมาพบว่าอัตราการรอดชีวิตของมะเร็งปอดระยะสุดท้ายใน 5 ปีน้อยกว่า 5% แต่อัตราการรอดชีวิตในระยะยาวของมะเร็งปอดระยะท้ายกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
การทำใจยอมรับและการสนับสนุนช่วยเหลือ
สิ่งที่คุณจะเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วหลังได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย คือมะเร็งปอดเป็นโรคในชุมชนและเป็นโรคในครอบครัว ควรติดต่อเพื่อนและครอบครัว เรียนรู้ที่จะเป็นผู้สนับสนุนวิธีรักษามะเร็งด้วยตนเอง
พิจารณาติดต่อกับกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งรายอื่นทางออนไลน์ ซึ่งกลุ่มผู้ป่วยนี้จะเป็นเหมือนครอบครัวของคุณที่มีผู้ป่วยมะเร็งระยะท้ายหลาย ๆ คน
สำหรับผู้เป็นที่รัก
การดูแลคนที่รักที่ป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายอาจเป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่เคยทำ แต่ก็เป็นรางวัลและเป็นคุณค่าชีวิตที่มากที่สุดเช่นกัน และให้แน่ใจว่าใช้เวลาสักครู่อ่านบทความนี้เมื่อคนที่คุณรักเป็นมะเร็งปอด