จะทำอย่างไรถ้าทานยารักษาไบโพลาห์แต่ไม่ได้ผล ?

เผยแพร่ครั้งแรก 3 เม.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
จะทำอย่างไรถ้าทานยารักษาไบโพลาห์แต่ไม่ได้ผล ?

ยาเป็นส่วนสำคัญของการรักษาโรคไบโพลาห์ แต่ถ้าคุณพบว่ามันไม่ช่วยให้อาการดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น หรือมีผลข้างเคียงมากเกินไป คุณก็อย่าเพิ่งท้อใจ และให้รีบบอกแพทย์ค่ะ " มีทางเลือกสำหรับรักษาโรคไบโพลาห์มากมาย " กล่าวโดย Megan Schabbing จิตแพทย์แห่ง OhioHealth " ทั้งนี้แพทย์อาจต้องร่วมมือกับคุณเพื่อจ่ายยาชนิดใหม่ หรือรักษาแบบผสมผสาน " เขาเสริม และการทำเช่นนี้สามารถทำให้คุณกลับมารู้สึกดีขึ้นอีกครั้ง

สัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาเปลี่ยนการรักษา

ถ้าคุณเป็นโรคไบโพลาห์ คุณควรให้ความร่วมมือกับจิตแพทย์และทีมที่ช่วยรักษา และมันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคุณที่จะสังเกตอาการของตัวเอง คุณควรบอกให้แพทย์รู้เมื่อ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาสุขภาพจิต วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 882 บาท ลดสูงสุด 51%

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

  • มีพลังงานมากกว่าปกติ
  • มีพลังงานลดลง รู้สึกเศร้าหรือสิ้นหวัง
  • เมื่อสังเกตว่าอารมณ์ของตัวเองเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลายครั้งในแต่ละวัน คุณอาจมีความสุข หรือมีพลังเป็นบางช่วง แล้วเปลี่ยนเป็นรู้สึกหม่นหมอง หรือซึมเศร้าในช่วงเวลาต่อมา
  • สงสัยว่ามีบางคนกำลังจ้องมอง หรือพยายามทำร้ายคุณ
  • รู้สึกผิดมากโดยไม่มีเหตุผล
  • นอนไม่หลับ หรือตื่นเช้ามากผิดปกติ
  • มีปัญหากับการทำงานให้เสร็จตามกำหนด หรือตามที่ตั้งใจไว้
  • ทำเรื่องสุ่มเสี่ยง หรือทำโดยไม่คิด
  • มีปัญหากับเพื่อน ครอบครัว หรือเพื่อนร่วมงาน ตัวอย่างเช่น คุณพบว่าตัวเองทะเลาะกับคนอื่นมากกว่าปกติ
  • สังเกตว่าลักษณะทางกายภาพเปลี่ยนไป เช่น น้ำหนักตัวเพิ่ม ปวดหัว หัวใจเต้นเร็ว หรือมีปัญหากับน้ำตาลในเลือด

เมื่อไรถึงจะเริ่มเปลี่ยนการรักษา ?

" ถ้าคุณสังเกตว่ายาที่ทานไม่ได้ช่วยรักษาโรคไบโพลาห์อย่างที่มันเคยทำได้ หรือคุณรู้สึกไม่ดี คุณควรไปพบแพทย์ในทันที " กล่าวโดย Michael F. Grunebaum จิตแพทย์จาก New York State Psychiatric Institute นอกจากนี้ถ้าคุณพบว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เช่น ได้ยินเสียงบางอย่าง อยากทำร้ายตัวเอง หรือปวดบริเวณกึ่งกลางของร่างกายมาก คุณก็ควรไปโรงพยาบาลด่วน

ทั้งนี้จิตแพทย์จะสอบถาม และอาจแนะนำให้ทดสอบบางอย่าง เช่น ตรวจเลือด เพื่อดูว่ายามีผลต่อคุณอย่างไร และการหยุดทานยาก็อาจทำให้มีปัญหาตามมา " งานวิจัยชี้ให้เห็นว่า วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือ การค่อยๆ หยุดทานยา โดยใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน " กล่าวโดย Grunebaum นอกจากนี้เขายังเสริมด้วยว่า การหยุดทานยาที่ใช้รักษาโรคไบโพลาห์ในทันทีสามารถส่งผลต่ออารมณ์

อย่างไรก็ดี แพทย์อาจแนะนำให้คุณรักษาโดยใช้วิธี Electroconvulsive Therapy (ECT) ซึ่งแพทย์จะส่งกระแสไฟฟ้าไปยังสมองหลังจากคนไข้ได้รับยาสลบ การรักษาวิธีนี้สามารถช่วยให้อาการของโรคซึมเศร้าและโรคไบโพลาห์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ECT จะให้ผลเร็วกว่าการทานยา แม้ว่าผลของมันจะไม่คงอยู่นานก็ตาม และถ้าจะป้องกันไม่ให้เกิดอาการเดิมซ้ำอีกครั้งคุณอาจจำเป็นต้องทานยา หรือรักษาโดยใช้ ECT แบบระยะยาว

เคล็ดลับที่ช่วยให้การเปลี่ยนวิธีรักษาง่ายขึ้น

เมื่อคุณเปลี่ยนยาหรือวิธีรักษาอื่นๆ มันยังเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรสังเกตสุขภาพของตัวเอง สำหรับวิธีที่เราอยากแนะนำมีดังนี้

  • พบจิตแพทย์เป็นประจำ  -  คุณควรไปพบจิตแพทย์ที่คุณไว้ใจ และรู้สึกสบายใจที่ต้องไปหาบ่อยๆ
  • บำบัดโดยการพูดคุย  -  การรักษาด้วยวิธี Cognitive Behavioral และบำบัดโดยวิธีพูดคุยสามารถช่วยจัดการกับอารมณ์ทั้งในระหว่างและหลังการเปลี่ยนวิธีรักษา
  • หาคนสนับสนุน  -  คนใกล้ตัวของคุณอาจไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางด้านอารมณ์ของคุณ ซึ่งการได้พูดคุยกับกลุ่มคนที่เป็นโรคนี้เหมือนกันก็ถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะพวกเขาจะเข้าใจว่าคุณเจออะไรมาบ้าง
  • ดูแลตัวเอง  -  คุณควรนำนิสัยที่ดีต่อสุขภาพมาใช้ และมันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรนอนให้เพียงพอ เพราะหากนอนน้อย มันก็สามารถทำให้อาการกำเริบ และทำให้อารมณ์ไม่เสถียร
  • นำนิสัยที่ดีต่อสุขภาพมาใช้  -  คุณควรออกกำลังกายเป็นประจำ ทานอาหารให้สมดุล และจัดการกับความเครียด แม้ว่ามันไม่ได้ช่วยให้คุณหายขาดจากโรคไบโพลาห์ แต่การทำสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยให้คุณรักษาตัวได้ง่ายขึ้น

ที่มา : bipolar-disorder/features/bipolar-meds-not-working#1" class="redactor-autoparser-object">https://www.webmd.com/#####rep...


9 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Natural remedies for bipolar disorder: Lifestyle and other remedies. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/314435)
Managing Bipolar Disorder From Urgent Situations to Maintenance Therapy. National Center for Biotechnology Information. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2040292/)
What Should I Do If My Bipolar Meds Don’t Work?. WebMD. (https://www.webmd.com/bipolar-disorder/features/bipolar-meds-not-working#1)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
ยารักษาโรคซึมเศร้าคืออะไร? (Antidepressants)
ยารักษาโรคซึมเศร้าคืออะไร? (Antidepressants)

ยารักษาโรคซึมเศร้ามีอะไรบ้าง ใช้อย่างไร ต้องใช้นานแค่ไหนถึงจะเห็นผล?

อ่านเพิ่ม
ยารักษาโรคซึมเศร้า
ยารักษาโรคซึมเศร้า

รู้จักกลุ่มยาต้านซึมเศร้า ซึ่งใช้รักษาผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ยานี้มีผลข้างเคียงหลายอย่าง ควรใช้ตามแพทย์สั่ง ซึ่งแพทย์จะมีการปรับลด-เพิ่มตามความเหมาะสมเป็นระยะ

อ่านเพิ่ม